"พิธา" เผยเตรียมอุทธรณ์คดีแฟลชม็อบต่อ ชี้ข้อเท็จจริงอาจคลาดเคลื่อน 150 เมตรวัดจากตรงไหน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลพิพากษาจำคุก 4 เดือน ปรับ 11,200 บาท คดีแฟลชม็อบ ปี 62 บริเวณสกายวอล์กปทุมวัน เผยเตรียมอุทธรณ์คดีต่อใน 2 เรื่อง คือเรื่องสัดส่วนกฎหมาย ในการชุมนุมสาธารณะโดยสันติ อาจจะต้องมีผลกระทบกระทั่งกับสังคมบ้าง ยกตัวอย่างการชุมนุมที่สนามบิน มีโทษปรับ 2 หมื่น แต่ไม่มีอาญา จึงคุยกับทีมทนายให้ย้อนดูคดีการชุมนุมที่เคยจัดบริเวณสกายวอล์ก ว่ามีการชุมนุมกี่ครั้ง แต่ละครั้งศาลตัดสินว่ายังไง


ส่วนอีกเรื่อง คือไม่แน่ใจว่ามีความเคลื่อนในข้อเท็จจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าข้อหาร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวังฯ ซึ่งระยะทาง 150 เมตรนั้นนับจากอะไร เชื่อว่าที่พวกตนยืนอยู่นั่น เกิน 1500เมตรแน่นอน ดังนั้นในข้อหานี้วัดจากพื้นที่จุดไหน จุดที่จำเลยยืน หรือปลายสุดขอบเขตที่มีการชุมนุม ซึ่งก็ไม่สามารถรู้ได้ มันจะไปสุดขอบเขตที่ไหน


ซึ่งการอุทธรณ์คดี เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินของศาลต่าง ๆ ในลักษณะแบบนี้ เพราะการควบคุมวาระทางสังคมผ่านการชุมนุมอย่างสันติ เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่ถ้ากระทบเสรีภาพของคนอื่น ก็อาจจะมีโทษ แต่ต้องได้สัดส่วนกับเหตุ


ทางด้านทนายเผย อยากให้ทุกคนไปคัดคำพิพากษาโดยละเอียดอีกที เพราะเราเห็นต่างจากคำพิพากษาของศาลแน่นอน แต่ศาลจะวินิจฉัยให้อุทธรณ์ต่อหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่อยากยกตัวอย่างการชุมนุมสกายวอล์กที่เดียวกัน ตำรวจแจ้งข้อหาเดียวกันคือร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวังฯ แต่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ยกฟ้องและอัยการไม่อุทธรณ์คดีต่อด้วย ดังนั้นคุณพิธาพูดถูก เราต้องเอาความจริงมาพูดกัน

ทางด้านนายปิยบุตร เผยคดีนี้มีหลายประเด็นในการยื่นอุทธรณ์ต่อ พร้อมเทียบเคียง กับคดีปิดสนามบิน มีผลกระทบจำนวนมาก และเป็นความผิดชัดเจนแต่ศาลพิจารณาสั่งปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนคดีการชุมนุมครั้งนี้ เป็นการชุมนุมใช้ระยะเวลาไม่นานหลังเลิกชุมนุมก็มีการช่วยกันเก็บขยะ ศาลใช้ระยะเวลาอ่านคำพิพากษานานกว่าการชุมนุมดังกล่าว สุดท้าย ถูกจำคุกถึง 4 เดือนปรับ 20,200 บาท เป็นเหตุผลที่จะต้องอุทธรณ์คดีเพื่อให้ศาลสูงพิจารณา ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสมของกฎหมายก็อยากจะฝากให้พรรกก้าวไกลไปพิจารณาแก้ไขในสภาต่อไป