เลือกตั้งและการเมือง

'วิโรจน์' ซัด 'ธุรกิจกองทัพ' บ่อนทำลายชาติ ปิดประตูร่วมงาน ‘บิ๊กทิน’ กรรมการเรือดำน้ำ

26 ม.ค. 2567

24 views

วานนี้  (25 ม.ค. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจาของ นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ สอบถามนายกรัฐมนตรี ถึงกรณี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ แถลงระบุว่าประเทศไทยพบแหล่งแร่ลิเธียม จ.พังงา ที่มีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก เพื่อใช้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แสดงให้เห็นสัญญาณดี ประเทศไทยอาจเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก แต่นักวิชาการหลายคนมองว่า ไม่น่าจะมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก


นายร่มธรรม ตั้งคำถามว่า พบมากเป็นอันดับ 3 ของโลกจริงหรือไม่ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็เป็นเฟคนิวส์ของรัฐบาล  ซึ่งไม่ได้หลอกแค่คนไทย แต่หลอกไปทั่วโลก ศูนย์เฟคนิวส์ต้องตรวจสอบให้ดีว่า ข่าวรัฐบาลเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ และการทำเหมืองแร่ลิเธียมจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ ดังนั้น รัฐบาลมีแนวทางบริหารจัดการผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างไร


ด้าน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ชี้แจงแทนว่า ประเทศไทยมีการสำรวจแหล่งแร่ลิเธียม 2 แหล่งที่ จ.พังงาคือแหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม เป็นแหล่งที่เข้าไปสำรวจแล้ว พบมีหินที่มีแร่ลิเธียมเป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะแหล่งเรืองเกียรติ มีปริมาณหินที่มีลิเธียมแทรกอยู่ 14.8 ล้านตัน ความสับสนที่เกิดขึ้นเป็นศัพท์เทคนิคของเหมืองที่เข้าใจยาก 14.8 ล้านตัน ที่พบเป็นปริมาณหินที่มีแร่ลิเธียมแทรก ไม่ใช่จำนวนแร่ลิเธียม โดยให้กรมฯไปอธิบายให้ประชาชนเข้าใจแล้ว


ทั้งนี้ ยืนยันว่ามีแหล่งแร่อยู่จริง แต่ด้วยความที่ทุกคนตื่นเต้น การสื่อสาร ความเข้าใจศัพท์เทคนิคอาจไม่เป็นทางเดียวกัน ยอมรับมีการสื่อสารผิดพลาดเกิดขึ้น จะพยายามใช้ศัพท์ให้ตรงกันมากขึ้น เลี่ยงใช้ศัพท์เทคนิค แต่เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่า เรามีสารตั้งต้นผลิตแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะอยู่ลำดับใด ไม่ควรด้อยค่ากัน ให้ภูมิใจประเทศไทยมีแหล่งแร่ลิเธียม เป็นฮับผลิตรถอีวี จะมีการบริหารจัดการที่ดีเรื่องแร่ลิเธียมให้สามารถอยู่คู่กับชุมชนได้ ดังนั้น ไม่ต้องกังวล

----------------
วานนี้  (25 ม.ค. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง วาระการพิจารณาญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทาง การถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพ ไปอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุน ว่า ธุรกิจกองทัพไม่ใช่หน้าที่ของทหาร และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นกลไกที่ทำให้กองทัพเข้ามาพัวพันกับการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ ในลักษณะรัฐซ้อนรัฐ และเป็นแหล่งรายได้นอกระบบของนายพล เครือข่ายอุปถัมภ์ที่อยู่หลังม่านการเมือง กลายเป็นวัฒนธรรมสกปรกที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ขาดความโปร่งใส แม้แต่องค์กรอิสระก็น้ำท่วมปาก กองทัพระบุว่าตรวจสอบตัวเอง ซึ่งแท้จริงแล้วคำว่าตรวจสอบตัวเอง ก็คือการทำตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ โดยไม่มีการตรวจสอบอะไร ทหารมักจะเอาความมั่นคงของประเทศมาเป็นข้ออ้าง ตนยืนยันว่า ประเทศไทยในปัจจุบันเมื่อเทียบกับโลก เราอยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคง และธุรกิจกองทัพเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศเสียเอง


นายวิโรจน์ ยกดัชนี Government Defence Integrity Index 2020 หรือดัชนี GDI ซึ่งเป็นดัชนีที่ชี้วักคอร์รัปชันกองทัพและหน่วยงานความมั่นคง แต่ผลการประเมินปี 2020 กลับงามไส้ ประเทศไทยถูกประเมินอยู่ในระดับเสี่ยงมาก ประชาชนเข้าไม่ถึงงบประมาณของกองทัพ สะท้อนว่า กองทัพในปัจจุบันขาดสำนึกว่าเงินที่ใช้จ่ายอยู่ในทุกวันนี้ เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน


นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า หลายครั้งที่หน่วยงานกองทัพไม่ให้ข้อมูลกับกรรมาธิการการทหาร หน้าดื้อตาใส ซึ่งเราไม่ยอม มีการทำหนังสือทวงถามกับกระทรวง 3 ครั้ง


“จะมีหนังสือจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ส่งโดยตรงถึงนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ขอให้ท่านเร่งสั่งการให้ส่งข้อมูลมาโดยพลัน และมีเส้นตายสุดท้ายจริง ๆ เพื่อยืนยันว่า ถ้ายังไม่ส่งมา ก็ไม่ใช่แค่หน่วยงานในสังกัดเท่านั้นที่ไม่ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการ แต่แม้แต่รัฐมนตรีที่ชื่อสุทิน คลังแสง ก็มีเจตนาไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ต้องห่วงครับท่านประธาน เจอผมอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน” นายวิโรจน์ กล่าว


นายวิโรจน์ ระบุว่า งบกลาโหมถูกยกเว้นการรายงานอย่างที่ควรจะเป็นตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ต่างจากกระทรวงอื่น “โอ้โฮ ได้อภิสิทธิ์อีก” ซึ่งประชาชนไม่รู้ว่าธุรกิจกองทัพมีรายได้เท่าไหร่ และเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เคยทราบหรือเคยใส่ใจหรือไม่


“หรือพอทราบแล้วก็อุทานว่า อุ๊ย ผมรับไม่ได้ ประชาชนเขารับไม่ได้มาตั้งนานแล้วท่านนายกฯ ฝากท่านประธานไปด้วย” นายวิโรจน์ กล่าว


นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ตนและเพื่อน สส.พรรคก้าวไกล ยื่นแก้ไข พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง เพราะกองทัพได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง ในการจัดทำเงินนอกงบประมาณเอง ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้


“หลายวันก่อนก็มีนักข่าวถามว่า ไปทำงานร่วมกันกับคุณสุทิน คลังแสง หรือไม่  ผมก็ตอบนักข่าวว่า คงร่วมไม่ได้ แต่ถ้าไปแทนเนี่ยแน่นอน ผมบอกไว้ตรงนี้ว่าผมสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาแนวทางในการคืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล รวมทั้งให้จัดการเงินนอกงบประมาณอย่างโปร่งใส ไม่ปล่อยให้เสนาพาณิชย์กลายเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ” นายวิโรจน์ กล่าว

-----------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/H02xiqvtAmU

คุณอาจสนใจ

Related News