เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ เผย พบผู้ว่าฯแบงก์ชาติ หารือปมเศรษฐกิจทั่วไป ยันไม่มีอำนาจก้าวล่วง

10 ม.ค. 2567

84 views

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือร่วมกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า เป็นการเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาทานกาแฟกันตามปกติ แต่เว้นวรรคในเดือนที่ผ่านมา โดยมีการพูดคุยกันในหลายเรื่อง


ส่วนเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขอให้คุยกันในที่ประชุมดีกว่า เนื่องจากเป็นที่เปิดเผย ไม่ต้องมีการล็อบบี้กัน จะพูดคุยกันได้อย่างเต็มที่ แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา เห็นต่างเห็นชอบให้ไปว่ากันในที่ประชุม รวมถึงมีการพูดคุยถึงผลดีผลเสียของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตนพยายามจะบอกถึงตลาดปัจจุบันว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เรื่องภาคธุรกิจต่างๆ และความเดือดร้อนของประชาชน รวมไปถึงหนี้สิน


ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีการรายงานว่าขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่บ้าง เช่นการแก้ไขปัญหาหนี้สินในระยะยาว และหลังจากนี้ไปอยากให้มีการนัดพูดคุยกันในทุกสัปดาห์ จะเป็นที่ทำเนียบหรือที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ เพราะบ้างเรื่องต้องมีหน่วยงานอื่นร่วมด้วย เพื่อจะได้พูดคุยกันในทุกเรื่อง


ส่วนมีสัญญาณแนวโน้มที่ดี จากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจในการไปก้าวก่าย ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเป็นอิสระ เราพูดกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ได้ไปสั่ง แต่เป็นการอธิบายเหตุผลในเรื่องของเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในแง่ของเหตุการณ์ในต่างประเทศ สถานการณ์เงินเฟ้อ


ส่วนที่เงินเฟ้อติดลบนั้น นายเศรษฐา ขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้แถลงเองดีกว่า เพราะวันนี้เราคุยเรื่องหัวข้อใหญ่ๆ มากกว่า ส่วนเป็นแนวโน้มที่ดีหรือไม่ก็แล้วแต่ใครจะคิด แนวโน้มที่ดีจะต้องมีการพูดคุยกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย


ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี เผยว่าการหารือกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยในวันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่ให้รอนำเข้าไปถกเถียงที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ รวมถึงไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องวิกฤตหรือไม่วิกฤต


นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงหุ้นกู้ที่เลื่อนชำระเงินต้นไปอีก 2 ปี ตนได้สั่งการไปแล้วให้ตลาดหลักทรัพย์ดูแล ให้ดูแลในระยะยาว ในเรื่องหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องมีการพูดคุยกัน


ส่วนมาตรการแทรกแซงราคาพลังงานทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องลดรายจ่ายให้ประชาชน แต่เราต้องไปดูโครงสร้างระยะยาว ว่าจะทำอย่างไรบ้างให้ราคาพลังงาน ทุกคนยอมรับกันได้ เมื่อถามย้ำว่าหากตัดออกไปจะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงนั้น ตนมองว่าอาจไม่ติดลบ แต่คงไม่ขึ้นมาขนาดนั้นอยู่ที่ 0.1 - 0.2 ตนขอให้แบงก์ชาติเป็นผู้ชี้แจงจะดีกว่า


ขณะที่เงินค้างจ้างประกันโควิด 19 เกือบล้านคน ของบริษัทที่ล้มละลาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. จะต้องออกมาตรการเพื่อดูแลในกรณีดังกล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ