เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง' คิกออฟ '30 บาทรักษาทุกที่ ใช้บัตร ปชช.ใบเดียว' ต่อยอดนโยบาย 30 บาท เมื่อ 22 ปีก่อน

โดย nattachat_c

8 ม.ค. 2567

211 views

เศรษฐา – อุ๊งอิ๊ง Kick off 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ที่ร้อยเอ็ด ส่วนประชาชนแห่เข้าร่วมงานหมื่นกว่าราย ขณะที่คนร่วมงาน หวังเป็นโยบายช่วยคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ด้านอุ๊งอิ๊งบอกจุดกำเนิดเริ่มจากรัฐบาลทักษิณ เมื่อ 22 ปีก่อนท่ามกลางข้อครหา-วาทกรรมมากมาย จนสำเร็จให้วันนี้ได้ต่อยอด


วานนี้ 7 มกราคม 2567 ที่ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนางแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ร่วมพิธีเปิดกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของรัฐบาล และมีการนำร่องโครงการพร้อมกันอีก 3 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส โดยทั้ง 3 จังหวัดได้มีการส่งสัญญาณภาพ มายังเวทีที่จังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อคิกออฟกิจกรรมพร้อมกัน


และทันทีที่ นายกรัฐมนตรี และคณะ ถึงบริเวณงานหน้าหอโหวด 101 มีหัวหน้าส่วนราช รวมถึง สส.ในพื้นที่ และอสม.และประชาชนชาวร้อยเอ็ด กว่า 10,101 คนรอต้อนรับ โดยต่างร่วมกับชู “บัตรประชาชนจำลอง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์โครงการ “30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” จากนั้น นายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมงาน ด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับร่วมถ่ายรูปเซลฟี่กับประชาชน โดยช่วงหนึ่งได้ถ่ายรูปกับชาวบ้าน โดยมี นางสาวแพทองธาร เป็นช่างภาพให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปถ่ายรูปร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศชื่มมื่น


จากนั้นนายกฯ ได้ชมนิทรรศการ “ประชาชนได้อะไร จากนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” พร้อมรับชมการแสดงชุด Amazing ร้อยเอ็ด นโยบายดีๆเพื่อคนไทย และ VTR นโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่


จากนั้นเข้าสู่พิธีการ นางสาวแพทองธาร กล่าวทักทายด้วยภาษาอีสาน ว่า “ขอบคุณหลายๆ ที่มากันคักขนาด” จากนั้นกล่าวรายงานความคืบหน้าและที่มาที่ไปโครงการ ว่า ยินดีที่ได้มาสื่อสารข้อความที่รัฐบาลกำลังทำต่อยอดจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องคนไทยมาตลอด 22 ปี วันนี้จะเป็น 1 วันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะระบบสาธารณสุขไทย จะได้รับการยกระดับให้ทันสมัยขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีรวบรวมข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ระบบสาธารณสุขดีขึ้นเรื่อยๆ และให้พี่น้องประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้นมีคุณภาพมากขึ้นเข้าถึงง่ายขึ้น


ทั้งนี้ 30 บาทรักษาทุกโรคมีมานานกว่า 22 ปี วันนั้นเราสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคให้เป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ทำให้ระบบสาธารณสุขของไทย มีระบบมากขึ้น นอกจากรักษาฟรียังบริการดีทั่วถึงและทันสมัยมากขึ้น


นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า วันนั้นมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 2 เดือนก็เริ่มมีจังหวัดนำร่องในการทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทยอยทำจนครบทั่วทั้งประเทศ วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน 7 มกราคม 2567 ถือเป็นวันเริ่มต้นนโยบาย โดยนำร่อง 4 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรีนราธิวาส และร้อยเอ็ด ซึ่งจังหวัดอื่นรอไม่นานจะครอบคลุมทุกประเทศ


"เราจะไม่ต้องรอ เสียเวลาวุ่นวายที่โรงพยาบาลไปหาโรงพยาบาลตามทะเบียนบ้านไม่ต้องเสียเวลาทั้งวันเพื่อไปรอ ไม่ต้องรอรับยานานเกินไปตรวจเลือดซักประวัติก่อนพบหมอ สามารถทำได้เลยในสถานีอนามัย หรือคลินิกใกล้บ้านที่เป็นเครือข่าย สปสช. และในบางกรณีไม่ต้องมาโรงพยาบาลสามารถใช้ telemedicine พูดคุยกับคุณหมอผ่านทางออนไลน์และเมื่อเรารับยาไปสามารถปรึกษากับเภสัชผ่านออนไลน์เห็นหน้าพูดคุยได้ด้วย สามารถทำนัดออนไลน์ ผ่าน แอปพลิเคชั่น หมอพร้อม"


นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายนี้จะสามารถ เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องได้ไปตลอดกาลเหมือนที่ 30 บาทรักษาทุกโรคเลยทำมาแล้ว 22 ปีที่แล้ว เราเริ่มที่ 8 เมษายน วันนี้เราเริ่มที่ 7 มกราคม เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้นโยบายของเราสามารถพัฒนาอย่างแข็งแรงขึ้นและแน่นอนว่ารัฐบาลจะสานต่อโครงการที่ดีมากๆอยู่แล้วให้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ตามยุคตามสมัยเพิ่มมากขึ้น


ทั้งนี้ขอขอบคุณ ผู้ที่ผลักดันและสร้าง 30 บาทรักษาทุกโรคทั้ง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และการผลักดันของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประเทศไทยมี โครงสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดี ถ้าไม่มีโครงการ 30 บาทในวันนั้นวันนี้เราคงทำงานได้ยากกว่า แม้ในตอนนั้นจะมีหลายครหาที่ไม่เข้าใจ มีวาทกรรมในแง่ร้ายมากมาย วันนี้ทุกท่านให้เห็นแล้วว่า 30 บาทรักษาทุกโรคได้เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นจริงๆนั่นแปลว่านโยบายที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ วันนี้รัฐบาลกลับมารับไม้ต่อทำให้ 30 บาทรักษาทุกโรคเป็น 30 บาทรักษาทุกที่เราจะไม่หยุดพัฒนานโยบายที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไป


ขณะที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ด้วยสำเนียงอีสานว่า “สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ผมเศรษฐาเด้อ สบายดีบ่” ก่อนจะกล่าวต่อว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีที่ได้มาเปิดงานนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวในวันนี้ ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน วิชาชีพต่างๆ ประชาชนรวมทั้ง อสม. ในทุกจังหวัดนำร่องที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกฝ่ายช่วยกันผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เป็นการยกระดับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับการรักษาในทุกเครือข่ายทางลัดและเอกชนเป็นหนึ่งในนโยบายของ รัฐบาลที่ตนได้แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนทุกกลุ่มในทุกพื้นที่และเป็นนโยบายเน้นหลักของกระทรวงสาธารณสุข ผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยงานทุกระดับทุกสังกัด ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย


นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เราได้ยกระดับหน่วยบริการให้ เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยีดิจิตอลมาประยุกต์ใช้ในการจัดบริการสุขภาพให้แก่ประชาชน เช่น ประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล การสั่งยาออนไลน์ การนัดหมายออนไลน์ เป็นต้น


"เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของเวลาและคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน จึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับการบริการสุขภาพดิจิทัล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลลดระยะเวลาการรอคอยและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชน ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวจะช่วยให้คนไทยทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพได้ทุกที่ให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงมีพลังในการดำเนินชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป"


จากนั้น นายกฯ ได้ทำพิธีเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ร่วมกับรัฐมนตรี นางสาวแพทองธารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากนั้น มีการทำกิจกรรมเข้าจังหวะประกอบเพลง “30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที

------------











คุณอาจสนใจ

Related News