เลือกตั้งและการเมือง

"กมธ.ตำรวจ" ผิดหวัง ผบ.คุก-แพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ ให้ข้อมูลย้อนแย้ง ไม่ชัด เหตุส่งทักษิณรักษาตัว รพ.ตำรวจ

14 ธ.ค. 2566

206 views

ภายหลังคณะกรรมการกรรมาธิการตำรวจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เรื่องการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่าเป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ โดยมีการประชุมนานกว่า 1 ชม. นายชัยชนะ เดชเดโช ประธานกรรมาธิการตำรวจ เปิดเผยว่า ทางกรรมาธิการได้สอบถามถึงกระบวนการและขั้นตอนการรับนายทักษิณเข้าสู่เรือนจำ และมาตรการในการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมถึง งบประมาณที่ใช้ในระหว่างนายทักษิณรักษาตัว ซึ่งเป็นที่น่าผิดหวังที่ไม่ได้รับคำตอบ ที่กระจ่างชัดเจนจากทางกรมราชทัณฑ์ อธิบายเพียงว่านักโทษที่เข้าสู่เรือนจำจะต้องกักตัวในแดนแรกรับ 5-10 วัน





แต่กรณีของนายทักษิณ ผู้บัญชาการเรือนจำชี้แจงว่าแพทย์ได้วินิจฉัย ว่าควรจะส่งตัวไปที่ รพ.ตำรวจ แต่รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยืนยันว่าไม่มีการวินิจฉัยดังกล่าว มีเพียงการปรึกษาหารือกันในช่วงกลางคืน ในวันที่นายทักษิณถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ถึงเรื่องโรคประจำตัว พยาบาลจึงได้ต่อสายมาโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อปรึกษาข้อมูล แพทย์จึงได้ให้คำแนะนำว่า รพ.ราชทัณฑ์ มีเครื่องมือเท่าไหร่ อย่างไรบ้าง เพื่อให้พยาบาลมาวิเคราะห์กับเจ้าหน้าที่พัสดี ว่าควรส่งตัวนายทักษิณไปรักษาที่ไหน ซึ่งผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ คือ ผบ.เรือนจำ เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่านายทักษิณ มีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบตันและไวรัสตับอักเสบ B ซึ่งตนเห็นว่าหากดูจากภาพถ่าย ในโซเชียลมีเดีย นายทักษิณไม่น่าจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบB เพราะถ้าเป็นจะดื่มไวน์กับลูกสาวไม่ได้ และล่าสุดก็เห็นว่าเต้นแรปเตอร์




อย่างไรก็ตาม โดยธรรมเนียมปฏิบัติ กรมราชทัณฑ์จะต้องส่งตัวนักโทษไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากนักโทษต้องใช้งบประมาณ จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่วันนี้กรมราชทัณฑ์ไม่สามารถตอบได้ว่าทำไม นายทักษิณถึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 และทำไมถึงไม่ต้องตัดผม เมื่อตอบไม่ได้จึงยุติการประชุม พร้อมขอให้ผู้ที่มีอำนาจในการชี้แจงมาอธิบายต่อกรรมาธิการ จึงได้ทำหนังสือเชิญ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ,ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาร่วมประชุมในครั้งถัดไป พร้อมทั้งทำหนังสือขอเอกสารการทำ MOU ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับโรงพยาบาล งบประมาณในการดูแลนักโทษที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึงความเห็นของแพทย์ที่รักษา และวินิจฉัยอาการของนายทักษิณก่อนส่งตัวไปโรงพยาบาล ตลอดจนรายชื่อของเจ้าหน้าที่ที่ผลัดเปลี่ยนดูแลนายทักษิณ




ทั้งนี้ นายชัยชนะยังระบุว่าสิ่งที่ทำให้ผิดหวัง คือเมื่อนักวิชาการของกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าการรักษาตัวในโรงพยาบาลใช้งบประมาณของ สปสช.เท่ากันทุกคน แต่ทำไมนายทักษิณจึงได้รักษาตัวที่ชั้น 14 ทำไมไม่ได้รับการรักษาตัวเหมือนนักโทษคนอื่น ซึ่งตนเองได้ถามด้วยว่าได้มีการล่ามโซ่ตรวน นายทักษิณกับเตียงนอนของผู้ป่วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบในเรื่องนี้




ดังนั้น หลังจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดของแต่ละหน่วยงานมาชี้แจงต่อกรรมาธิการแล้ว กรรมาธิการจะลงพื้นที่ไป รพ.ตำรวจ คาดว่าเป็นช่วงหลังปีใหม่




เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถกำหนดวันลงพื้นที่ได้เลยหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ทัน เพราะนายทักษิณอาจออกจาก รพ. ไปคุมขัง นอกเรือนจำตามระเบียบใหม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ขณะนี้นายทักษิณยังป่วยอยู่ ถ้าระเบียบใหม่ออกแล้วกลับไปอยู่บ้านเลยมันก็ดูไม่สมจริง แต่ตนก็คิดว่าน่าจะไปลงพื้นที่ รพ.ตำรวจได้ เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กให้กับทุกคน แต่คงไม่ได้เข้าไปดูภายในห้องพักของนายทักษิณ แต่จะเข้าไปดูแผนผังของชั้น 14 เป็นอย่างไร มีใครรักษาตัวอย่างบ้าง เนื่องจากการข่าวอ้างว่าในวันที่ส่งตัวนายทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจ ห้องไอซียูเต็ม และตึกที่พักรักษาตัวขณะนี้มีเครื่องหมายเครื่องมือพร้อมเทียบเท่ากับห้องไอซียู เพราะตอนที่นายทักษิณถูกส่งตัวอาการหนักมาก จึงต้องส่งไปที่ชั้น 14 แต่ตนเห็นว่าหากดูจากอาการในช่วงเช้าของวันมอบตัว อาการไม่น่าจะหนัก ยังเดินแข็งแรง โบกมือบ๊ายบายประชาชนได้ แต่พอตกดึกจะตายแบบนี้ไม่ได้




ในที่ประชุมได้มีการซักถามถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยไปถึงเรื่องนี้ เนื่องจากในส่วนแรกเจ้าหน้าที่ยังชี้แจงไม่ชัดเจน พร้อมยืนยันว่ากฎกระทรวงยุติธรรม มีการประกาศใช้เมื่อปี 2563 จริง และมีการประการศให้แก้ไขระเบียบกรมราชทัณฑ์ในปี 2564 จริง แต่คณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว ไม่อนุญาตให้ระเบียบดังกล่าวประกาศใช้ แต่กลับมาประกาศในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตนก็คิดว่าสังคมไทยน่าจะทราบว่าทำเพื่อใคร จากนี้จะมีการตั้งคำถามในสภาผู้แทนราษฎร จะตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี ว่ามีเหตุผลอะไรจึงเร่งรีบออกระเบียบฉบับนี้ และทำเพื่อใครหรือไม่




คุณอาจสนใจ

Related News