'เศรษฐา' ลงพื้นที่เชียงใหม่ ลุยแก้ไฟป่า-หมอกควัน พร้อมผลักดันผลิตภัณฑ์ OTOP สู่เวทีโลกอีกครั้ง

‘เศรษฐา’ ลุยแก้ไฟป่า-หมอกควัน ขอไม่ใช่คำว่าหมดไป แต่ต้องน้อยลง หมายหัวเอกชนลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเมินปัญหาสภาพอากาศ ขู่ เจอมาตรการภาษีแน่หากยังละเลย ประกาศลั่น! พร้อมผลักดันผลิตภัณฑ์ OTOP สู่เวทีโลกอีกครั้ง สานต่อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

วานนี้  (29 พ.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมหารือประเด็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และปล่อยขบวนคาราวานปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5  ณ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากล่าวขอบคุณทุกคนที่มาประชุม  เป็นสัญญาณที่ดีสุด ดูได้จากแววตาคนที่มานำเสนอ  เป็นคนที่มีความจริงใจรับทราบถึงปัญหานี้อย่างถ่องแท้ และอยากให้ปัญหานี้ลดน้อยลงไป ตนใช้คำพูดระมัดระวัง "น้อยลงไป" เพราะหากพูดว่า "หมดไป" คงลำบาก เราอยู่กับความเป็นจริงดีกว่า จากที่ฟังการรายงานมาทั้งหมดตนขอแบ่งเป็น 3 ส่วน 

โดยส่วนแรก เริ่มจากปัญหารถยนต์ที่มีปัญหาท่อไอเสีย อันนี้เป็นองค์ประกอบอันหนึ่งแต่ไม่ได้ใหญ่มากและเชื่อว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะ การใช้รถยนต์ที่มีสันดาปหรือ ฝุ่นควันก็ลดน้อยลงไปแล้ว และมีการใช้รถอีวีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวเลขที่สูงขึ้น มากกว่า 5% ขึ้นไป


นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า นอกจากการบริหารจัดการภายในแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราบริหารจัดการเองได้ แต่เรื่องทิศทางลม จากเพื่อนบ้าน 2 ประเทศ ทั้งลาวและพม่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องเจรจาและพัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งในส่วนของลาวเป็นการพูดคุยเจรจาทวิภาคี โดยปัญหาอากาศเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ต้องเห็นใจเขาเหมือนกัน เศรษฐกิจเขาไม่ดีเท่าเรา ปัญหาด้านเกษตรเขาเรื่องการจัดเก็บ การทำลายซากพืชผลก็ไม่ดีเท่าเรา เราต้องช่วยเขาอย่างไร

และอีกส่วนที่สำคัญ คือ ภาคเอกชน หรือคนที่ไปรับซื้อจากเขามา จะสนใจแต่ราคาแค่อย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าพืชผลที่รับซื้อมา ถูกจัดการไปถูกต้องตามหลักที่พูดคุยกันได้หรือไม่  ถ้าหากพูดจากันแล้วไม่ทำตามมาตรการภาษีก็ต้องมีใหม่ ถ้าไปซื้อของจากประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอากาศบริสุทธิ์ เรามี พ.ร.บ.อากาศสะอาด เรามีหลายภาคส่วนที่มาใช้เวลาจริงจัง แล้วเพื่อนบ้านเราไม่ทำให้ หรือนายทุนจากบ้านเราไปทำมาหากินในประเทศเขาและไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้รัฐบาลนี้ก็ยอมรับไม่ได้


"ผมยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับเรื่องอากาศสะอาด และการแก้ปัญหาฝุ่นควัน เพราะว่าถ้าคิดดูจริงๆแล้ว สิทธิพื้นฐานของมนุษยชนเราเรียกร้องกันหลายเรื่อง แต่เรื่องพื้นฐานที่สุดและควรที่ ประชาชนจะได้คืออากาศสะอาด ซึ่งเป็นของฟรี ถ้าเกิดรัฐบาลไม่ให้ความสนใจไม่สามารถทำให้มันดีขึ้นได้ ผมว่าเรามีปัญหา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ขอให้ทุกท่านตระหนักดีและเข้าใจ ว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ขอบคุณครับ "

ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่สันกำแพง เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power  

โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเข้าไปทักทายกับประชาชนที่มายืนรอต้อนรับ  พิธีกรในงานได้ประกาศว่า "ประชาชนชาวสันกำแพง  กำลังรอเงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จากรัฐบาลเน้อเจ้า" ทำให้มีเสียงปรบมือโห่ร้องดีใจเป็นพิเศษ ทำเอานายกรัฐมนตรีถึงกับขั้นต้องอมยิ้ม

นอกจากนี้ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่ง  ถือป้าย "รัฐบาลเศรษฐา พาคนสันกำแพงเป็นเศรษฐี" และ "ขอนายกช่วยแก้หนี้นอกระบบ" “จาวสันกำแพงอยากได้เงินดิจิตอล 10,000 บาทเจ้า “ “ชาวสันกำแพง รักนายกเศรษฐารอเงินดิจิตอล 10,000 บาทอยู่นะจ๊ะ “, “คืนศักดิ์ศรีคือความหวังขอท่านนายกฯช่วยแก้หนี้นอกระบบ “, “ขอบคุณนายกที่ช่วยให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสหายใจ”

ขณะเดียวกันยังมีป้ายไวนิล ภาพกราฟฟิกการ์ตูนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยสวม และรองคณะกรรมการ Soft Power แห่งชาติสวมใส่ชุดคล้ายซุปเปอร์ฮีโร่ พร้อมเขียนข้อความว่า “Soft Power อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรสร้างเศรษฐกิจไทย กัปตันSoft Power ชาวอำเภอสันกำแพงขอร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power อย่างเต็มพลัง

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/tMxZ-FLAf2Y