เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยธวัช' คุยทุกฝ่ายดันนิรโทษกรรม เผย 'ธนาธร' สละสิทธิ์นิรโทษคดี ม.112 ลบคำครหา ทำเพื่อพวกพ้อง

โดย nattachat_c

29 พ.ย. 2566

12 views

ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ใน #กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงประเด็นเสนอ พรบ.นิรโทษกรรม ว่า เราไม่ยุ่งเรื่องนี้ ทำให้เกิดความขัดแย้ง ผมคิดว่าอันนี้ไม่ใช่ทีเดียว ถ้าบอกว่าเราไม่ทำอะไรเลย มันจะทำให้เกิดความขัดแย้ง ในอนาคตถ้าหากเราจะยุติความขัดแย้ง การนิรโทษกรรมจะเป็นประตูบานแรก มันมีรายละเอียดต้องคุยกัน


วานนี้ (28 พฤศจิกายน 66) นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมพูดคุยกับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในรายการ 'กรรมกรข่าว คุยนอกจอ' ถึงประเด็นการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า


ถ้าจะสร้างความปรองดองก็ควรเริ่มที่การนิรโทษกรรมคดี เพื่อให้ประเทศไทยมีสมาธิในการทำเรื่องอื่น ตนคิดว่าความขัดแย้งทางการเมืองควรปลดล็อกออกไป จะได้มีเวลาไปคิดทำเรื่องอื่น แต่หากกดเอาไว้สักวันหนึ่งอาจเป็นระเบิดเวลาก็ได้


นายชัยธวัช ระบุว่า การนิรโทษกรรมตามร่างกฎหมายนี้ กรอบกฎหมายหลัก ๆ ไม่เกี่ยวกับคดีทุจริต และยกเว้นความผิดอาญา ม.113 คือ กบฏ,  รัฐประหาร, ความผิดที่ถึงแก่ชีวิต และเจ้าหน้าที่ใช้กำลังในสลายการชุมนุมที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลหากกฎหมายได้รับการพิจารณาสามารถพูดคุยกันต่อได้ในชั้นกรรมาธิการ


เมื่อถามถึง การนิรโทษกรรมความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112  อาจนำมาซึ่งความขัดแย้ง

นายชัยธวัช ระบุว่า มองได้หลายมุม แต่ขอเรียนว่า คดี ม.112 สังคมไทยเคยนิรโทษกรรมมาแล้ว หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม คดี 112 เป็นหลัก ซึ่งรัฐบาลขณะนั้น เห็นว่าควรนิรโทษกรรมเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง


นอกจากนี้ ในอดีตยังเคยมีการนิรโทษกรรมมาแล้วตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และตามคำสั่ง 66 / 23 ซึ่งมีการกระทำรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ


นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่าความผิด ม.112 ก็มีฐานคิดมาจากการเมือง เกิดจากการแสดงออก การแสดงความคิดเห็น ดังนั้น ไม่ใช่อาชญากรรม ตนจึงคิดว่ามีเหตุผลในการนิรโทษกรรม


นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า อาจมีฝ่ายบางฝ่าย เช่น ฝ่ายความมั่นคงอาจเชื่อว่าการใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และรุนแรงแบบนี้ จะยุติพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้ ฃ


แต่หากมองอีกมุม คนมองว่าจะเป็นการสร้างความสะสมความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองที่รุนแรงต่อกันเพิ่มมากขึ้น และตนมองว่า การที่น้ำมันเดือดอยู่แล้วน้ำมันเปิดรูระบาย ให้เปิดในอนาคต และสร้างกระบวนการให้พูดคุยกันแบบประชาธิปไตยจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า


เมื่อถามว่าหากมีการนิรโทษกรรม ม.112 แล้ว ในอนาคตอาจมีการละเมิดทำผิดกันมากขึ้นอีก

นายชัยธวัช ระบุว่า เป็นประเด็นที่ต้องแลกเปลี่ยนกัน และเป็นสาเหตุที่พรรคก้าวไกลต้องไปพูดคุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นต่างกันในประเด็นนี้ นี่คือที่มาว่าทำไมตนถึงไปขอความเห็นจากทางพุทธะอิสระ, คนที่เคยเข้าร่วมกับกุล่มกปปส // พันธมิตร แกนนำเสื้อแดง // นักกฎหมาย รวมถึงนักสิทธิฯ ซึ่งมองว่าการพูดคุยนี้เป็นประโยชน์มาก ได้เห็นมุมมองที่แตกต่าง


นอกจากนี้ ยังต้องเอาประเด็นเหล่านี้ ไปคุยกับฝั่งนักศึกษาว่า เห็นอย่างไร มีข้อเสนออย่างไร  รวมทั้วต้องหากลไกพูดคุยหลังนิรโทษกรรม เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อกันมากขึ้นอีกด้วย


ทั้งนี้ จากการคุยกับหลายฝ่าย ตนได้รู้ว่าสิ่งสำคัญคือเมื่อนิรโทษกรรมแล้ว จะกลับมาทำแบบเดิมหรือไม่ จึงได้แนวคิดว่า จะทำอย่างไรเพื่อเป็นหลักประกัน ที่จะไม่ทำแบบเดิมอีกหลังนิรโทษกรรม


นายชัยธวัช ยืนยันว่า เราไม่ได้เสนอเรื่องนี้เพื่อมาหาเสียงแต่คิดว่าการนิรโทษกรรม มีความจำเป็น และเป็นประตูบานแรกที่จะสร้างความปรองดองทางการเมือง


เมื่อถามว่า จึงเป็นที่ไปที่มาของการถูกมองว่า ช่วยเหลือพวกพ้องตัวเอง

นายชัยธวัช ยืนยันว่า หากดูเนื้อหาสาระ คนที่ได้ประโยชน์อยู่ทุกฝ่าย  ไม่มีใครได้ได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว หรือคนใดคนหนึ่ง เราต้องการเห็นการคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน เราไม่ปารถนาจะเห็นเพียงคนใดคนหนึ่งได้รับความยุติธรรมอยู่คนเดียว ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว จึงมองว่าควรใช้คำว่าคดีทางความคิด


หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า แต่ (สส.) โดนก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ต้องทรีตเขาเป็นประชาชนคนหนึ่ง จริงๆ แล้วหลายคนอาจหมายถึง แกนนำพรรค เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่โดนคดี ม.112


ซึ่งวันก่อน ไปเจอพุทธะอิสระแกก็ถามเรื่องนี้ ผมก็ตอบว่า ในร่างกฎหมายเรามีอยู่ช่องหนึ่งด้วย ที่ใครก็ตามที่ไม่ประสงค์รับสิทธิพิจารณานิรโทษ สามารถยื่นเรื่องต่อกรรมการที่เราตั้งได้เป็นการส่วนตัว ยืนยันกับพุทธะอิสระ เชื่อว่า นายธนาธรจะมายื่น ไม่ขอรับการพิจารณาเรื่องนี้


“เรามีการแลกเปลี่ยนกับคุณธนาธร และแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ที่โดนคดีทางการเมืองว่าถ้าเราเสนอเรื่องนี้ เจตนาของเราคืออยากให้มีผลกับประชาชนที่ขัดแย้งกันอยู่ ไม่ได้หวังว่าจะมานิรโทษคุณธนาธรและแกนนำอนาคตใหม่ แต่อาจถูกหยิบยกมาโจมตีได้ ดังนั้น เราคิดเลยว่าต้องมีสิ่งนี้


“เราเคยแลกเปลี่ยนกันอยู่ และเชื่อว่าคุณธนาธรและแกนนำอนาคตใหม่ที่โดนคดีการเมืองจะมายื่นขอไม่ใช้สิทธิ หรือสละสิทธิเพื่อเข้าสู่การพิจารณานิรโทษกรรม ผมก็คุยกับพุทธอิสระว่าเชื่อว่าคุณธนาธรจะไม่ขอรับสิทธินี้ ท่านยังตั้งคำถามว่ากล้าหาญขนาดนั้นเชียวเหรอ” หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ


นายสรยุทธถามย้ำว่า เชื่อว่านายธนาธรและแกนนำที่โดนคดี ม.112 จะสละสิทธิ เพราะร่างที่ก้าวไกลเสนอเปิดช่องว่าใครที่อยู่ในข่ายไม่รับสิทธิก็แจ้งความประสงค์ได้?

นายชัยธวัชกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 27 พ.ย.66 เจอนายธนาธรที่งานศพพ่อคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก็ยังถามว่าเรื่องนี้ยืนยันนะว่าจะไม่ใช้สิทธิ เขาก็โอเค เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าจะถูกถามเรื่องทำเพื่อพวกพ้องหรือไม่ // ส่วนแกนนำคนอื่น ๆ เชื่อด้วยเช่นกันว่า จะสละสิทธิ์


เมื่อถามว่า อีกประเด็นที่ยาก คือการที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล  เพราะจุดยืนชัดเจน ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แต่ประเด็นนี้อาจเป็นชนวนของความขัดแย้ง

นายชัยธวัช ระบุว่า ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย เคยมีแผลเรื่องนี้ เคยถูกมองว่า ใช้เรื่องนี้เหมาเข่งเป็นเงื่อนไขการล้มรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์มาแล้ว


ซึ่งนายสรยุทธ บอกว่า เงื่อนไขนี้หมดไปแล้วเพราะนายทักษิณกลับมารับโทษแล้ว


นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ในแง่หนึ่งเข้าใจพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าจะบอกว่าจะไม่ทำอะไรเลยคงไม่ได้ เพราะการนิรโทษกรรมจะเป็นประตูบานแรก


ช่วงนี้นายชัยธวัช ถามกลับว่า ขอถามกลับว่า ถ้ามีคนแค่คนเดียวได้รับความยุติธรรม ทำผิดแต่ไม่ต้องติดคุกอยู่คนเดียว แล้วคนที่เหลือมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรรม จากกระบวนการยุติธรรม ก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ เรื่องนี้ตนขอถามรัฐบาลด้วยเลย


ช่วงหนึ่งนายชัยธวัช ระบุว่า คนที่เคยทำผิดกันมาไม่ใช่อาชญากร  หลายคนทำเพราะความคิดความเชื่อทางการเมือง หลายคนเป็นนักโทษทางความคิด


อีกอย่างมองว่า การนิรโทษกรรมจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง หากเรามีกระบวนการที่หาความคิดเห็นร่วมกันได้ แต่การที่มีใครคนใดคนหนึ่งได้รับกระบวนการยุติธรรมแบบอภิสิทธิ์ชน ขณะที่คนอื่นไม่ได้รับเลย อันนี้จะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง


นายสรุยุทธ จึงถามว่า “ใครๆ ?”

นายชัยธวัช ระบุว่า “เราก็เห็นกันอยู่”

---------------

วานนี้ (28 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเดินหน้าผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยต้องขอดูรายละเอียดของกฎหมายฉบับนี้ก่อน ว่ามีสาระสำคัญและหลักการอย่างไร ถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชน ก็เชื่อว่ารัฐสภาจะพิจารณา


เมื่อถามว่า ช่วงหาเสียงเหมือนพรรคเพื่อไทย มีการหยิบยกประเด็นการนิรโทษมาใช้ด้วย

นายประเสริฐ กล่าวว่า ช่วงหาเสียงพรรคเพื่อไทยเน้นไปที่นโยบาย เรื่องนิรโทษเราไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม อะไรที่ไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 เราก็จะเห็นด้วย แต่ถ้าเป็นความผิดทางด้านการเมืองที่เป็นเรื่องการเมืองจริง ๆ และเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากก็ขอดูรายละเดียดของตัวร่างอีกครั้ง


เมื่อถามว่า นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่า ร่างของพรรคก้าวไกล ทุกคนจะได้รับสิทธิหมด เพราะวันนี้หลายคนไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนที่อยู่ชั้น 14

นายประเสริฐ กล่าวว่า จริงๆ ไม่อยากให้พาดพิงถึงคนที่อยู่ชั้น 14 เพราะเรื่องของท่าน สิ่งที่ได้รับเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ทุกอย่างเหมือนคนอื่น ไม่ได้มีสิทธิพิเศษแต่อย่างใด


เพราะฉะนั้น อยากส่งสัญญาณไปว่า อย่าให้เป็นประเด็นทางการเมืองมาก เพราะตอนนี้บ้านเมืองกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่เราทำอยู่ ขออย่าเล่นการเมืองจนเกินไป  


พร้อมย้ำว่า อยากให้การพิจารณายกร่างกฎหมายเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่ามีวาระซ่อนเร้น หากต้องการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง

-------------
วานนี้  (28 พ.ย.66)  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล กำลังเดินสายขอความเห็น เพื่อเดินหน้าผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รวมถึงคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 


โดยนายอนุทิน ย้ำสั้นๆ ว่า ในเรื่องนี้ในสภาฯ พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนอยู่แล้วว่ามาตรา 112 แตะไม่ได้
-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Vd7n8knMBtI

คุณอาจสนใจ

Related News