เลือกตั้งและการเมือง

'ธนาธร' ย้ำยังมอง พท.เป็นมิตร จึงเตือนเรื่องเงินหมื่น แม้ตอนนี้จะอยู่คนละฝั่ง

โดย nattachat_c

21 พ.ย. 2566

19 views

Moody’s Analytics Asia Pacific Economic Preview รายงานคาดการณ์การเปิดเผย GDP ของประเทศไทยในไตรมาส 3 จะแสดงการเติบโตชะลอตัวลงเหลือ 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี จาก 1.8% ในไตรมาส 2


ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่เศรษฐกิจหดตัวในไตรมาส 3 ของปี 2564 โดยเป็นผลมาจากการบริโภคภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ ชะลอตัวลงจากไตรมาส​ 2 ​

-------------
วานนี้  (20 พ.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ  โดยช่วงหนึ่งพูดถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบโต้หลังจากที่นายธนาธร บรรยายสาธารณะในหัวข้อ“ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน” ว่า ที่ผ่านมาตนพยายามตลอดที่จะไม่พูดถึงพรรคเพื่อไทยในแง่ลบ แม้แต่ตอนให้สัมภาษณ์วันนั้นก็ไม่พูดถึง ถามว่าทำไม เพราะตนคิดเสมอว่า พรรคเพื่อไทยคือมิตร ตนคิดว่า ประเทศไทยในอนาคต จำเป็นต้องมีพรรคการเมือง แบบเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เพราะเป็นพันธมิตรที่ทำให้ประเทศนี้ ก้าวหน้าที่สุด และกลับมาเป็นประชาธิปไตยได้


“ผมพยายามไม่พูดถึงเพื่อไทยเลย แต่นโยบายที่เราไม่เห็นด้วย เราก็บอกกับสาธารณะไปตรงๆ แล้วก็พยายามเสนอสิ่งที่เราอยากจะทำ เช่น การกู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาทำดิจิทัลวอลเล็ต ดังนั้น สำหรับผมเพื่อไทยคือมิตร แม้จะอยู่กันคนละฝ่ายก็ตาม  เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราเป็นฝ่ายค้าน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดที่สุดที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลกับเรา เราก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ แต่ผมเข้าใจข้อจำกัดของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นถึงแม้จะเสียใจโอกาสของประเทศ เสียดายที่ไม่ได้เอาแนวคิดเราไปบริหาร แต่สำหรับผม เพื่อไทยคือมิตร และทางออกที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า ต้องมี 2 นี้ ฝากถึงเพื่อนในพรรคก้าวไกลและแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือคุณทั้งสอง"


เมื่อถามถึงการไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล  นายธนาธร ตอบว่า “เป็นปกติที่เราพบปะพูดคุยกับนักการเมืองทั่วไป มีการพูดคุยกัน ไปคุยเรื่องชีวิตมีหลานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ยืนยันไม่ได้ไปต่อรองอะไร เพราะผมไม่มีตำแหน่งการเมือง ถ้าไปต่อรองก็ถูกยุบพรรคสิ”


เมื่อถามถึงการไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล  นายธนาธร ตอบว่า “เป็นปกติที่เราพบปะพูดคุยกับนักการเมืองทั่วไป มีการพูดคุยกัน ไปคุยเรื่องชีวิตมีหลานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ยืนยันไม่ได้ไปต่อรองอะไร เพราะผมไม่มีตำแหน่งการเมือง ถ้าไปต่อรองก็ถูกยุบพรรคสิ”


เมื่อถามย้ำว่า  นายธนาธรไม่มีอำนาจเหนือพรรคก้าวไกล? นายธนาธรตอบว่า “วันนี้ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นพรรคก้าวไกลเติบโต โดยไม่มีธนาธร และปิยบุตร แสงกนกกุล ภูมิใจมาก และอยากให้เป็นแบบนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ผมอยากให้เป็นแบบนั้น ผมคิดว่า ทำให้พรรคมีสุขภาพทางการเมืองที่ดี คือไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่พรรคของธนาธรและปิยบุตร แต่เป็นพรรคที่สมาชิกพรรคร่วมมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของร่วมกัน”


ส่วนกรณีที่นายปิยบุตรอกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกลนั้น เป็นเพราะนายปิยบุตร รักพรรคมาก เขาสร้างมากับมือด้วยกันตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ มันถึงรักและผูกพัน  ถ้าไม่รัก ไม่ผูกพันมันคงไม่วิจารณ์กัน  ซึ่งตนมองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นความสวยงาม ประชาธิปไตยมันก็ยุ่งเหยิงแบบนี้ ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ในพรรค แม้แต่ผมคนเดียวก็ตัดสินใจไม่ได้ การตัดสินใจส่วนใหญ่เป็นการถกเถียงแลกเปลี่ยนจนเห็นร่วมกัน ผมกับปิยบุตรก็ไม่ได้เห็นร่วมกันทุกเรื่อง ดังนั้น เรื่องนี้เป็นปกติของประชาธิปไตย ความยุ่งเหยิงมันคือเสน่ห์


นายธนาธร ยังกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนเห็นตรงกับพรรคก้าวไกลที่ประเทศตอนนี้ยังไม่วิกฤต  จึงอยากนำเสนอว่าหากมีเงิน 5 แสนล้านบาท จะเอาไปทำอะไร เราไม่ได้มองการอัดฉีดเงินในระยะสั้น แต่มองถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สินค้าที่เหมือนกัน ราคาเราสูงกว่า ดังนั้น ต้องแก้ที่การทำให้คนมีรายได้ งานที่มั่นคง


"ไปดูต่างจังหวัดสิครับ จังหวัดไหนก็ได้ จิ้มเลย มีคนที่มีงานดีๆทำไหม งานไม่ต้องเยอะ เอาเงินเดือน 20,000 บาท ทั้งจังหวัดมีอยู่กี่งาน หาได้น้อยมาก งานที่เงินเดือน 20,000-25,000 บาท ในต่างจังหวัด" นายธนาธร กล่าว


นายธนาธร ระบุว่า สามารถใช้การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ สร้างอุตสาหกรรมได้ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ สะท้อนว่าเราจัดการ 3-5 ปีที่แล้วช่วงโควิดได้ไม่ดีพอ ดังนั้นต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่างไรก็ไม่จบ ข้อเสนอของเราดูเรื่องที่สัมผัสได้จริง มีความมั่นคงมากขึ้น


ส่วนที่รัฐบาลกล่าวว่าข้อเสนอของนายธนาธร รัฐบาลกำลังทำอยู่ในงบประมาณปกติ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่จริง หากทำอยู่แล้ว ต้องเสร็จตั้งแต่ 10 ปีก่อนแล้ว ถ้าจะทำโดยจัดการงบประมาณและฝีมือการบริหารแบบนี้คงทำไม่สำเร็จ พร้อมยกตัวอย่างน้ำประปาดื่มได้ของคณะก้าวหน้า แล้วถามกลับว่าคุ้มหรือไม่ หากใช้องค์ความรู้พัฒนาแบบนี้ได้ทุกจังหวัด ซึ่งใช้งบประมาณ 3 แสนบาท ใช้ได้ 5,000 คนในระดับตำบล ตนมองว่าต้นทุนที่ต้องเสียไปกับน้ำประปามีถึง 30% หากทำระบบสมาร์ทมิเตอร์ได้ จะช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น


"อีก 10 ปีข้างหน้า มิเตอร์น้ำไฟ ต้องเป็นสมาร์ทมิเตอร์ทั้งหมด ถ้าเราไม่สร้างอุตสาหกรรมตั้งแต่วันนี้ อีก 10 ปีข้างหน้า เราจะต้องซื้อจากจีน ไต้หวัน เราจะเอาแบบนั้นหรือ...เราลงทุนอนาคตตั้งแต่วันนี้" นายธนาธร กล่าว


นายธนาธร ย้อนถามว่า เราต้องการคุณภาพชีวิต การสร้างงานที่มั่นคง ขณะเดียวกัน เราแก้ปัญหาเรื่องขีดความสามารถด้วย ถ้าทำสำเร็จ เราจะเป็นผู้นำเทคโนโลยี เรื่องนี้ตนลงมือทำและไปบอกเพื่อนที่พรรคก้าวไกล จนทำให้บรรจุเป็นนโยบายพรรค 8 หมื่นล้าน นโยบายประปาดื่มได้


ส่วนการให้คะแนนรัฐบาลนั้น  นายธนาธร มองว่าหากจะให้คะแนนตอนนี้อาจจะยังเร็วไป ตนก็ให้กำลังใจรัฐบาล และพร้อมไปให้ข้อมูล นำเสนอแบบไม่หวงความรู้ ตนคิดว่า 5 ปีที่ผ่านมา ตนไปลงพื้นที่มากกว่านักการเมืองในสภาชุด 62


จากนั้น นายธนาธร ยกตัวอย่างบ่อขยะที่ได้ไปดูงาน ระบุว่า เราลงทุนเรื่องนี้ไม่เพียงพอ ที่ผ่านมามีชาวบ้านร้องเรื่องโรงเผาตลอด เพราะไม่ได้มาตรฐาน ไม่ดูแลสิ่งแวดล้อม และเป็นช่องทางให้นักการเมืองหากิน


นายธนาธร ย้ำว่า คนที่จะทำเรื่องนี้สำเร็จต้องมีความเป็นผู้นำสูง และมีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่มาก ต้องยอมรับว่าพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มีคุณูปการต่อสังคม ทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับประเทศไทย ต้องยอมรับ เป็นข้อเท็จจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้การเมืองนโยบายเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งในแง่นี้พรรคอนาคตใหม่ก็เติบโตมาจากมิติทางการเมืองแบบใหม่ที่ถูกสร้างโดยพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน


"เราคือผลผลิตที่พรรคไทยรักไทยทำไว้ 20 ปีที่แล้ว ดังนั้นในแง่นี้ เขาพูดได้เต็มปากว่าเขาเคยทำสำเร็จมาแล้ว แต่ความสำเร็จในอดีตไม่ได้ยืนยันความสำเร็จในอนาคต" นายธนาธร กล่าว


นายธนาธร กล่าวถึงระบบเทเลเมดิซีน ที่จะช่วยให้คนไม่ต้องรอคิวที่โรงพยาบาล คนไม่ต้องออกจากบ้าน มีเจ้าหน้าที่สื่อสาร ส่งยา เพื่ออำนวยความสะดวก โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และใช้งบประมาณ 6 หมื่นล้าน


ส่วนเรื่องการลดค่าน้ำค่าไฟ นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่ถือว่าเป็าการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมองว่าไม่ควรนำมาใช้ สิ่งพวกนี้เป็นกระเป๋าที่ต้องเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นผลงาน


ส่วนที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับฟัง แต่ยังมองว่าเป็นวิกฤตประเทศ พร้อมยกตัวอย่างการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน นายธนาธร กล่าวว่า เรามองต่างกัน ตอนพรรคก้าวไกลจะจัดตั้งรัฐบาล ก็มีการทาบทามตนให้เป็นที่ปรึกษา ตนคิดไว้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง หากวางแผนดีก็เริ่มทำได้ เราไม่ได้ตั้งพรรคมาเพื่อเป็นรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี  สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ทางผ่าน แต่เพื่อสร้างประเทศไทยที่ดี ดังนั้นต่อให้เป็นฝ่ายค้านแล้วคำแนะนำเป็นประโยชน์แล้วพรรคเพื่อไทยนำไปสร้างนโยบายที่ดีได้ก็ยินดี แม้จะเป็นคู่ต่อสู้ก็ไม่เป็น


"ถ้าอยากเข้าไปพรีเซนต์ จะเข้าไปพรีเซนต์เลย ผมเชื่อว่าใน 4 ปีนี้จะมีนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ดี ผมเชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็จะยกมือให้ เราไม่ได้ค้านทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ต้องค้าน ถ้าจะกู้พิเศษแบบนี้ ไม่ต้อง ไปใช้งบประมาณปกติ" นายธนาธร กล่าว

---------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/2NLg0egRchE



คุณอาจสนใจ

Related News