เลือกตั้งและการเมือง

‘ปูอัด’ ปาดน้ำตา ถูกขับพ้นก้าวไกล แจงปมโค้งบ่อย ด้านผู้ช่วยเดือดจัด ตัดโลโก้ก้าวไกลทิ้ง

โดย petchpawee_k

8 พ.ย. 2566

14 views

ก้าวไกล มีมติเอกฉันท์ 128 เสียงขับ “สส.ปูอัด” ออกจากพรรคฐานไม่สำนึก ชี้ การแถลงไม่ยอมรับผิด ซ้ำเติมผู้เสียหาย-เปิดข้อมูลเหยื่อ  ซัดเขาไม่ได้ให้สูทเพราะเสน่หา เผยครอบครัวผู้เสียหายเสียใจมาก - เจ้าตัวปาดน้ำตาน้อมรับมติพรรค ลั่น เป็นความผิดตัวเองไม่เกี่ยวกับพรรค บอกเป็นบทเรียนมหาศาล ขอโทษหากการโค้งทำให้ทุกคนลำบากใจ 


นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังการประชุมร่วม ระหว่างคณะกรรมการบริหาร และสส.ของพรรคก้าวไกล ในกรณีข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศ ของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ได้มีมติและพิจารณาบทลงโทษด้วยการตัดสิทธิพึงมีทั้งหมดในฐานะสมาชิกพรรค นอกจากนั้น ยังได้กำหนดเงื่อนไขคาดโทษไม่กระทำความผิดซ้ำอีกและกำหนดให้นายไชยามพวาน ต้องยอมรับผิด ขอโทษต่อผู้เสียหายต่อสาธารณะ ชดเชยเยียวยาตามกฎหมายตามสมควร รวมถึงจะต้องยุติและไม่ก่อความเสียหายต่อผู้เสียหาย 3 ราย ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคได้ส่งหนังสือไปถึงนายไชยามพวานแล้ว นายไชยามพวานก็ได้มีการแถลงข่าวต่อสาธารณะ


นายชัยธวัช กล่าวว่า การกล่าวอ้างถึงผู้เสียหายของนายไชยามพวานในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่ทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายรู้ว่าบุตรสาวของตนเป็นผู้เสียหายในกรณีนี้


ซึ่งตนได้ไปเข้าพบกับครอบครัวของผู้เสียหาย เพื่อขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยทางบิดาของผู้เสียหายให้การยืนยันว่า การที่ซื้อเนกไทด์และสูทให้กับนายไชยามพวานนั้น ไม่ได้แสดงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะที่นายไชยามพวานตั้งใจจะสื่อสารออกมา แต่เป็นการสนับสนุนพรรค ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียหายก็เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังได้มีการพูดคุยกันในหลายเรื่อง ซึ่งก็มีเรื่องการสนับสนุน ช่วยเหลือในการต่อสู้ทางกฎหมายที่จะตามมา และเป็นครั้งแรกที่ตนได้ทราบว่า ผู้เสียหายเป็นใคร เนื่องจากกระบวนการของพรรคจำกัดการรับรู้ตัวตนของผู้เสียหาย


นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงนำมาสู่การประชุมวานนี้ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน เนื่องจากมีบางส่วนป่วย ติดงาน และภารกิจส่วนตัวอื่นๆ จึงทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ โดยมีมติในที่ประชุมเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ “ให้นายไชยามพวานพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เนื่องจากการแถลง และการกระทำของนายไชยามพวาน ถือเป็นการขัดต่อมติพรรค


นอกจากนี้ เมื่อ สส.ของพรรคใน กทม. หายไปหนึ่งเขต ที่ประชุมจึงเห็นตรงกันในการพิจารณาให้ สส.ในเขตใกล้เคียง ซึ่งคือ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. และ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ไปทำงานกับพี่น้องประชาชนแทนนายไชยามพวาน เนื่องจากทั้งสองคนเป็นสส. ในเขตที่ใกล้เคียงกัน


นอกจากนี้ มีการตั้งข้อสงสัยว่าถึงแม้นางสาวเบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรค ไม่ได้มีโหวต แต่อาจจะมีการล็อบบี้ให้โหวตขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี อดีตพรรคก้าวไกล ออกจากพรรค นายชัยธวัช กล่าวว่า นางสาวเบญจาไม่ได้มีส่วนในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว การแต่งตั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์ในฐานะผู้ช่วย สส.ของนางสาวเบญจานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคล โดยนางสาวเบญจาตั้งผู้ช่วย สส. คนดังกล่าวขึ้น เพราะพรรคเสนอชื่อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจังหวัดปราจีนบุรี แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน นางสาวเบญจาได้นำรายชื่อออกจากการเป็นผู้ช่วย สส.แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการอคติในการตรวจสอบ เกี่ยวกับการรับผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ในการพิจารณาสอบสวนเรื่องนี้


ส่วนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกลับกับนายวุฒิพงศ์หรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ในส่วนที่พรรคต้องทำ คือการสอบสวนว่ามีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่ หากมีข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกับนางสาวเบญจา แน่นอนว่าต้องมีการตรวจสอบ


นายชัยธวัช กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี จะต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องทุจริตบ่อขยะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากบุคคลที่ถูกกล่าวหารับผลประโยชน์จากบ่อขยะจริง ก็ไม่สามารถลบข้อครหาเรื่องคุกคามทางเพศหายไป

----------------------------------

ขณะที่วานนี้ เวลา 16.00 น.  ภายหลังที่ประชุมพรรคก้าวไกล มีมติเป็นเอกฉันท์ ขับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือปูอัด ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม พรรคก้าวไกล ออกจากพรรคปมคุกคามทางเพศ


นายไชยามพวาน ยังคงทำหน้าที่ ส.ส.ต่อเนื่องด้วยการลงพื้นที่ ชุมชนมัสยิดนูรุ้นยากีน ซอยสุขสวัสดิ์ 14 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. ซึ่งนายไชยามพวานมาพร้อมกับฝน ซึ่งตอนที่มาถึงฝนตกลงมาอย่างหนัก เจ้าตัวได้เข้าไปแวะหลบฝนบ้านชาวบ้าน


จากนั้นเมื่อฝนหยุดนายไชยามพวาน ได้ออกมาสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลลชน กล่าวว่า ทราบมติของพรรคแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเอกสารแจ้งทางการ ซึ่งตนทำให้พรรคเสียหายมามากจริงๆ ขอน้อมรับมติในครั้งนี้อย่างสุดหัวใจ


“พี่น้องประชาชนครับ ผมยังอยากให้ทุกท่านเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นใน ส.ส.ของพรรคก้าวไกล อยากให้ทุกคนยังเชื่อมั่นว่าในอนาคต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังคงเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ


ครั้งนี้เป็นที่ตัวบุคคล เพราะฉะนั้นอย่าถือโทษกับพรรคเลย ขอให้ถือโทษทีปูอัด ทั้งหมดผมยังอยากให้ทุกคนที่ยังคงเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล ยังคอยผลักดันหลังพรรคก้าวไกลตลอด ผมยังอยากให้ประชาชนทุกคนคอยติดตามกฎหมายเหมือนที่พรรคก้าวไกลเคยบอกไว้ว่า ถึงจะเป็นฝ่ายค้านแต่ก็เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก โทษในครั้งนี้คือผมคนเดียวไม่ใช่พรรคก้าวไกล” นายไชยาม พวาน กล่าว


นายไชยามพวาน  กล่าวอีกว่า จากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ตนอยากให้ทุกคนเริ่มโฟกัส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินตัวใหม่ที่พยายามยื่นและแก้ไขอยู่ รวมทั้งเรื่อง กอ.รมน. รวมทั้งเรื่องสวัสดิการถ้วนหน้า ฯลฯ  และในวันนี้ตนพามาในพื้นที่เขตจอมทองเพราะอยากให้ทุกคนได้เห็นว่า เมื่อเราออกมาจากห้องแอร์แล้วเราเห็นประชาชนมนุษย์จริงๆที่ใช้คำว่าหาเช้ากินค่ำ แค่ 200 ยังหาอยาก หรือ 300 ยังหายาก


ช่วงนี้นายไชยามพวาน เริ่มสะอื้น ทีมข่าวสังเกตสีหน้าพบว่าตาแดง ก่อนจะกล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนเชื่อว่าการสร้างสวัสดิการถ้วนหน้าเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลกำลังดันอยู่และจะสร้างประเทศที่ทุกคนเท่ากันได้ที่


เมื่อถามว่าเสียใจหรือไม่เคสของตัวเองเองให้พรรคก้าวไกลขาดความศรัทธาและความเชื่อมั่นจากประชาชน ช่วงนี้นายไชยามพวาน ปาดน้ำตาครั้งที่ 1 ก่อนจะบอกว่า เป็นความผิดของตนทั้งหมด ไม่ใช่ของพรรค และขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลยังคงเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ และมีคนเก่งๆอีกมาก “วันนี้เป็นที่ตัวบุคคล ผมไม่อยากให้ทุกคนไปล่าแม่มด หรือไปพูดอะไรกับใคร”


นายไชยามพวาน กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้พูดว่าไม่อยากไปจากพรรคก้าวไกล ตนแค่อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นที่ตนไม่ใช่พรรค


เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ายอมรับใช่หรือไม่ว่ากระทำผิดจริง นายไชยามพวาน ระบุว่า ตรงนี้เป็นในส่วนกระบวนการยุติธรรมที่มีคนไปยื่นร้อง ต่อ ป.ป.ช.


เมื่อถามอีกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายไชยามพวาน กล่าวว่า รอคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. ท้ายที่สุดที่มาพูดอยากให้ทุกคนหันไปโฟกัสเรื่องของปากท้อง


จากนี้ตนยังคงตั้งใจทำงาน ไม่ใช่แค่แบบปกติที่ลงพื้นที่ทุกวัน แต่ต้องทำมากกว่าเดิมหลายเท่า 3 เท่า 4 เท่า  ช่วงนี้นายไชยามพวาน ถอนหายใจ ก่อนตะบอกว่าเคยพูดคำหนึ่งว่า “จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดตั้งแต่คนแรกถึงวันสุดท้ายที่เดินออกสภาและผมต้องขอโทษผมต้องขอโทษ 47,650 คะแนนทุกคน ที่วันนี้ทำให้หลายคนลำบากใจ รวมถึงพรรคก้าวไกล และสังคมด้วย”


เมื่อถามอีกว่าการถูกขับออกครั้งนี้ยุติธรรมกับตัวเองหรือไม่นายไชยามพวาน เพราะคนใกล้ชิดบางคนก็บอกว่าไม่ยุติธรรม ช่วงนี้นายไชยามพวานปาดน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะบอกว่า ส่วนนี้เป็นความคิดของทีมผู้ช่วย ทุกคนมีความคิดที่หลากหลาย คนร้อยคนก็อาจจะมีความคิดที่หลากหลาย ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ผิดก็คือตนที่ทำให้พรรคเจ็บถึงขนาดนี้ ซึ่งมันเป็นรอยร้าวมากมายอย่างที่ทุกคนเห็น ดังนั้นเหมาะสมแล้วที่ตนจะถูกพรรคขับออกมา และท้ายที่สุดแล้วอยากให้พี่น้องประชาชนอย่าไปถือโทษโกรธพรรคเลย พวกเขาทุกคน พี่ผม น้องผม ทุกคนยังคงพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อสร้างประเทศตามอุดมการณ์ที่ใฝ่ฝัน แม้ตอนนี้ตนจะไม่ได้อยู่ในพรรคแล้วแต่ขออวยพรให้โชคดี


เมื่อถามถึงเส้นทางต่อจากนี้ นายไชยามพวาน ถอนหายใจ ก่อนบอกว่า ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือมีปัญหาหลายอย่างคือ สิ่งที่ต้องทำก่อน คงต้องถามประชาชนว่าอยากให้ไปอยู่ไหน ซึ่งตนเองก็มีอุดมการณ์ ยืนยันว่าจะยังไม่ลาออกจากการเป็น ส.ส.รอให้กระบวนการยุติธรรมสิ้นสุดลง  ส่วนจะลาออกหรือไม่ ยังยืนยันว่าไม่ลาออกจากการเป็น ส.ส.จนกว่ากระบวนการสืบสวนในชั้นยุติธรรมจะเสร็จสิ้นลง ถ้าบอกว่าตนเองผิดก็จะลาออก


เมื่อถามย้ำว่าการไม่ลาออก จาก ส.ส. เป็นการยึดติดหัวโขนหรือไม่ นายไชยามพวาน ปาดน้ำตาอีกครั้ง พร้อมระบุว่า ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้ตนเปรียบเป็นเหมือนเด็กที่ได้เรียนรู้มากแล้ว และตอนมาเป็น ส.ส. ก็ปรับตัวไม่ทัน ซึ่งทุกท่านสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะวันนี้ทราบดีแล้วว่าเป็นบุคคลสาธารณะ พร้อมน้อมรับ


เมื่อถามอีกว่าอยากขอโอกาสจากทางพรรคก้าวไกลและ ส.ส.ในพรรคอีกครั้งหรือไม่  นายไชยาม พวาน ระบุว่า ไม่ขอโอกาสเพราะทุกคนคงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พร้อมย้ำอีกว่าขอให้ทุกคนโชคดี


ส่วนได้บทเรียนอย่างไรบ้างนั้น นายไชยามพวาน ระบุว่า เป็นบทเรียนมหาศาลในช่วงวัยของตน เราเป็นคนสาธารณะแล้วในวันที่เป็นบุคคลธรรมดาทำได้แต่เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะก็ทำไม่ได้แล้วและขอให้ครั้งนี้เป็นบทเรียนให้สังคมและเพื่อน ๆ ส.ส.ทุกคนในอนาคตต่อไป


ช่วงนี้นายนายไชยาพวาม ปาดน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวถึงประเด็นที่พรรคก้าวไกลบอกว่า การออกมาแถลงข่าวนั้นเป็นการแสดงความขอโทษที่ไม่จริงใจและสร้างความเสียหายซ้ำให้กับผู้เสียหาย นายไชยามพวาน ระบุว่า คำว่าจริงใจตีความได้หลายอย่าง ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์เพราะเป็นคนที่ออกมาจากพรรคแล้ว ไม่อยากทำอะไรให้พรรคต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้เพราะเป็นบ้านที่ให้โอกาสตน


เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่ามีอะไรอยากจะสื่อสารหรือพูดกับเหยื่อผู้เสียหายหรือไม่ นายไชยามพวาน


ยืนนิ่งไปช่วงหนึ่ง พร้อมยืนคิด และถอนหายใจ ก่อนกล่าวว่า มันลำบากใจ และกระอักกระอ่วนใจที่จะพูด เพราะอยากให้กระบวนการนี้ ไปสู่การชี้แจง เพราะทราบแล้วว่า ป.ป.ช. ได้รับคำร้องไปตรวจสอบ อีกทั้งทั้ง 3 คนก็เป็นทีมงาน ที่เคยทำงานด้วยกันมา พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการฟ้องกลับเหยื่อทั้ง 3 คน



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ou-wfFhRuOQ

คุณอาจสนใจ

Related News