เลือกตั้งและการเมือง

“จุลพันธ์” ยอมรับดิจิทัลวอลเล็ตดีเลย์ เน้นใช้เงินในงบประมาณ ซึ่งอาจล่าช้าถึง เม.ย.-พ.ค. 67

25 ต.ค. 2566

170 views

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการคณะอนุกรรมการดิจิทัล วอลเล็ต เปิดเผย ภายหลังการประชุมนัดที่ 2 นานกว่า 3 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันให้ปรับเงื่อนไขการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้สามารถใช้ได้ภายในอำเภอ จากเดิมที่จำกัดในรัศมี 4 กิโลเมตร เนื่องจากพื้นที่ไม่ใหญ่จนเกินไปและมีร้านค้ากระจายเพียงพอต่อการรองรับการใช้จ่ายของประชาชน


ทั้งนี้ที่ประชุมมีความเห็นแตกต่างเรื่องกลุ่มเป้าหมาย และไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยส่วนหนึ่งเห็นว่า เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องการให้คนร่วมมาก ๆ แบ่งเบาภาระประชาชน จึงเสนอให้ตัดคนรวยหรือผู้ที่มีรายได้ดีออก โดยคำจำกัดความยังไม่เป็นที่สรุป แต่กำหนดตัวเลือกไว้ 2 แบบ ได้แก่ ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนถึง 25,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากถึง 1 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท หรือตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนถึง 50,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากถึง 5 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท


และอีกส่วนหนึ่งเห็นว่าควรให้สิทธิ์เฉพาะผู้ยากไร้ ซึ่งมีอยู่ราว 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราว 1.5 แสนล้านบาท


โดยจะนำเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังเป็นประธานประชุมตัดสินใจ ในสัปดาห์หน้า


ในส่วนของแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการยังคงเน้นการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก กลไกดำเนินการคือผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ ซึ่งมีข้อเสนอให้ดำเนินการโดยใช้งบผูกพัน เช่น หากโครงการ 4 แสนล้านบาท ก็ตั้งงบผูกพัน 4 ปี โดยเบิกจ่ายปีละ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นการขึ้นเงินของร้านค้าก็อาจจะต้องชะลอไป ซึ่งต้องกำหนดในเงื่อนไข และเป็นตัวเลือกที่จะเสนอให้ คณะกรรมการฯพิจารณาอย่างจริงจัง


อย่างไรก็ตาม ยังมีทางเลือกอื่นสำหรับแหล่งเงินที่จะใช้เสนอไปด้วย เช่น การกู้เงิน แต่เป็นทางเลือกท้ายๆ เช่นเดียวกับการใช้มาตรการกึ่งการคลัง ผ่านมาตรา 28 พรบ. วินัยการเงินการคลัง โดยยืนยันว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับธนาคารออมสินแล้ว เพราะติดขัดข้อกฎหมาย กรอบอำนาจหน้าที่ไม่ครอบคลุมการดำเนินการ


ทั้งนี้กลไกการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นตัวเลือกแรก เพราะโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการอนุมัติโดยตัวแทนประชาชน ทั้ง สส. และ สว. ต้องพิจารณาตามกรอบข้อเท็จจริง รัฐบาลจะไม่ตัดโครงการลงทุน หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ เพื่ออัดโครงการนี้ที่ใช้เม็ดเงินถึง5.6 แสนล้านบาท เข้าไปในงบประมาณ 2567 ในคราวเดียว เป็นการขาดดุลตามกรอบงบประมาณที่วางแผนไว้ ไม่มีผลกระทบต่อตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ แน่นอน


อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าโครงการจะดีเลย์จากเดิมวันที่ 1 ก.พ.2567 แต่มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ในเรื่องความปลอดภัย กระบวนการทดสอบระบบก็มากขึ้น ซึ่งก็ล้อไปตามการเบิกจ่ายงบประมาณ 2567 ที่อาจล่าช้าถึง เม.ย.-พ.ค.ปีหน้า


สำหรับประเด็นการยืนยันตัวตน เป็นไปตามสิทธิ์ ครอบคลุมทั้ง บุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน ใช้จ่ายได้ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ส่วนระบบการขึ้นเงินได้ร้านค้าระบบภาษี 3 ประเภท ทั้งร้านค้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินได้นิติบุคคล และ บุคคลธรรมดา ส่วนผู้จัดทำระบบ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐเห็นชอบ ให้ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ดำเนินการเพราะมีความพร้อม โดยยืนยันว่างบประมาณที่ใช้ไม่ถึง 12,000 ล้านบาทแน่นอน และต่ำกว่านั้นมาก โดยจะเป็นการทำแอปพลิชัน ขึ้นมาใหม่ไม่ใช่ระบบเป๋าตัง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ