เลือกตั้งและการเมือง

ก้าวไกล ถือฤกษ์ก่อน 6 ตุลา ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมือง

5 ต.ค. 2566

43 views

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อม สส.พรรค ยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองฯ ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่าก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับนายชัยธวัช ที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค และจะได้ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทุกคนต่อไป

สำหรับร่างพระราชบัญญัติบุคคลซึ่งกระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง จะได้ให้ฝ่ายเลขาธิการได้ลงหมายเลขรับ และพิจารณาให้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับ และจะแจ้งให้ผู้ยื่นได้ทราบโดยเร็ว ภายใน 7 วัน

ขณะที่ นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองพ.ศ..... ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยเหตุผลสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้ออย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อ 11 ก.พ. 2549 และลุกลามบานปลายจนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และต่อมาก็ยังมีการรัฐประหารซ้ำอีกครั้งเมื่อปี 57 และตลอดระยะเวลาของการชุมนุมนับตั้งแต่ครั้งแรก สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าไปมีส่วนร่วมในการชุมนุม หรือการแสดงออกในทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ และตลอดระยะเวลามีประชาชนนับ 1,000 คน ถูกดำเนินคดี ตั้งแต่คดีเล็กๆ น้อยๆ จนถึงข้อกล่าวหาร้ายแรง รวมถึงคดีความมั่นคง และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยุติในการดำเนินคดี

ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว พรรคก้าวไกลเห็นว่าทำให้ยากที่จะนำคนไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุข เกิดความสามัคคีกันในสังคม เพราะพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ถูกดำเนินคดีหรือมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนต่างก็มีความเห็นว่า รัฐไม่มีความเคารพต่อสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพของพลเมือง จึงเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องยุตินิติสงครามและการนิรโทษกรรมจะเป็นหนทางที่ "ถอดฟืนออกจากกองไฟ" เป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นสร้างความยุติธรรมและความปรองดองที่ยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป

สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ได้กำหนดให้การกระทำใดๆของบุคคลผู้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง ตลอดจนการกระทำทางกายภาพ หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เป็นความผิดตามกฎหมายในช่วงเวลาที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 คือนับวันแรกของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร จนถึงวันที่พระราชบัญญัตินี้ได้มีผลบังคับใช้ หากการกระทำดังกล่าว มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ต้องมิให้ขัดกับพันธะกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศ

ขณะที่การนิรโทษกรรมนี้ จะไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม หากเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ตลอดจนจะไม่นิรโทษกรรมการทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และจะไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113

ส่วนจะรวมคดีมาตรา 112 หรือไม่ อยู่ในวินิจฉัยของคณะกรรมการ โดยกลไกในการนิรโทษกรรมจะกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ ในร่างเสนอให้มีจำนวน 9 คน ซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้แต่งตั้ง โดยมีองค์ประกอบจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร บุคคลที่ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรี มาจากบุคคลที่สภาผู้แทนราษฎรเลือกอีก 2 คน มาจากผู้พิพากษาอดีตผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม ของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ตุลาการ หรืออดีตศาลปกครอง 1 คน มาจากคณะกรรมการอัยการ 1 คน และสุดท้าย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลย้ำว่าการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในครั้งนี้ เรามุ่งหวังให้เป็นกฎหมายสำคัญสำหรับการคืนชีวิตใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนที่โดนนิติสงคราม หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองแสดงออกทางการเมืองใดๆ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ไปชุมนุมโดยสันติ และเชื่อว่าการนิรโทษกรรมนี้เป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ หากพรรคการเมืองร่วมกันผลักดัน ซึ่งที่ผ่านมาพรรคการเมืองต่างไม่ได้ปฏิเสธ จึงจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับพรรคการเมืองทุกฝ่าย รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกฝ่าย ทุกสี ที่มีความขัดแย้งกันในอดีตให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าแม้เรา อาจจะไม่ได้มีความเห็นทางการเมืองตรงกลางทั้งหมดแต่ก็เชื่อว่า ทุกฝ่ายที่มาแสดงออกทางการเมือง ยืนอยู่บนพื้นฐานความคิดความเชื่อที่ทำให้การเมืองดี ดังนั้นการยุติการต่อสู้การดำเนินคดี ไม่ว่าฝ่ายไหน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ใช้กระบวนการที่สันติแสวงหาฉันตามมาติที่เป็นที่ยอมรับ และเชื่อว่าภายหลังการพูดคุยพรรคการเมืองต่างๆ อาจจะมีร่างกฎหมายลักษณะเดียวกันมาประกบ


นายชัยธวัช ยังกล่าวว่าได้พูดคุยเรื่องนี้กับพรรคการเมืองต่างๆแล้ว รวมถึงพรรคเพื่อไทย ที่อาจจะไม่เสนอร่าง แต่มีท่าทีสนับสนุน และตนได้ขอให้มาคุยเรื่องนี้ในชั้นกรรมาธิการ ขณะเดียวกันก็ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กับสว.ไว้บ้างแล้ว ตั้งแต่ปลายสมัยประชุมที่แล้ว ซึ่งคิดว่าน่าจะสานต่อ และหวังว่าถ้าได้คุยกับพรรคการเมืองต่างๆทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ในฝากรัฐบาล ก็ไม่ได้มีอะไรที่ติดขัด โดยต่างเห็นประโยชน์และความจำเป็นต่อสถานการณ์ทางการเมือง เพราะรัฐบาลก็ได้แถลงว่าการจัดตั้งรัฐบาลมีเป้าหมายเรื่องความปรองดอง ซึ่งตนคิดว่าความปรองดองจะสำเร็จขึ้นได้ เงื่อนไขสำคัญคือความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการนิรโทษกรรมทางการเมือง แม้หลายกรณีอาจจะมองว่าคนที่ถูกกล่าวหามีความผิดจริง แต่เราต้องยอมรับว่า เป็นการกระทำผิดที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งคิดว่าหากเรามาเริ่มต้นกันใหม่คืนความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชน ยุติคดีความที่เป็นเงื่อนไขให้คนที่เห็นต่างกัน มีพื้นที่ได้กลับมาคุยกัน โดยกระบวนการทางประชาธิปไตย แบบนี้ถือเป็นก้าวแรกที่จะสร้างความปรองดองได้


อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะกังวลว่า คดีความที่ร้ายแรงต่างๆ เหมาะที่จะนิรโทษกรรมหรือไม่ ตนอยากจะย้ำเตือนว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่ 6 ตุลาคม 2521 ซึ่งเหตุการณ์นี้ ที่รัฐบาลได้ทำให้เป็นเงื่อนไขสำคัญ จนนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้ง คือการนิรโทษกรรมเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2521 รวมถึงการออกคำสั่ง 66/23 ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นี้ล้วนแต่เป็นโทษร้ายแรงทั้งสิ้น โดยเฉพาะ 66/23 เป็นการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ใช้อาวุธลุกขึ้นสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และมีส่วนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิตจำนวนมาก เรายังสามารถเปิดให้กับคนที่กระทำผิดร้ายแรงเข้าสู่สังคมและพูดคุย และร่วมใช้ชีวิตปกติในสังคมอีกครั้ง และวันนี้ที่เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้เพราะตั้งใจเพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่ 6 ตุลาคม จึงหวังว่าพรรคการเมืองจะให้ความสนใจและเห็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งถ้าเห็นพ้องก็อาจจะเสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเร็วขึ้น


เมื่อถามย้ำว่าจะนิรโทษกรรมให้กับคดี 112 ด้วยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนที่นิรโทษกรรมให้กับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ก็เป็นเรื่องความผิดมาตรา 112 เป็นหลัก และยังมีคดีกบฏ ล้มล้างการปกครอง และเปิดให้คนที่เข้าร่วมต่อสู้ด้วยอาวุธ เราสามารถที่จะอภัย เพื่อทำให้การเมืองไทยเดินหน้าไปได้ จึงคิดว่าหากไม่มีอคติจนเกินไป ทุกฝ่ายควรจะร่วมกัน เพราะรู้สึกเสียดายที่คณะกรรมการสมานฉันท์ ตั้งโดย นายชวน หลีกภัย ทำรายงานเสร็จแล้ว แต่เสร็จในปลายสมัยจึงไม่มีโอกาสนำเสนอในสภา ซึ่งคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดต่างๆ ก็มีข้อเสนอในลักษณะนี้ ในเรื่องของนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  พรรคก้าวไกล ,นิรโทษกรรม

คุณอาจสนใจ

Related News