เปิด 35 ชื่อ คกก.ศึกษาทำประชามติแก้ รธน. - มติก้าวไกล ไม่ร่วมสังฆกรรม อ้างรัฐบาลไม่แก้ทั้งฉบับ

เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.66) ที่พรรคก้าวไกลมีการประชุม สส.พรรค โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยก่อนการประชุมว่า มีวาระประจำที่จะหารือ เนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะมีญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมที่มีหลายจังหวัด  สส.เขตพรรคก้าวไกล จะให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาลหลังได้ลงพื้นที่พบประชาชนและสำรวจปัญหา

ขณะเดียวกัน  ยังมีการพูดคุยกันเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคก้าวไกลเข้าร่วมในคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ  รวมถึงการหาข้อสรุปเรื่องประธานกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 11 คณะ ตามการจัดสรรว่าจะมีบุคคลเข้าไปทำหน้าที่บ้าง

นายพริษฐ์ กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ได้ติดต่อมาผ่านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล  เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเชิญตัวแทนพรรคก้าวไกลเข้าร่วมในคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ  แต่พรรคก้าวไกลยังไม่ได้ตอบรับเข้าร่วมคณะกรรมการดังกล่าว และได้แจ้งกลับไปว่า จะนำมาหารือกับ สส. พรรค ในที่ประชุมเมื่อวานนี้ (3 ต.ค.66) ก่อนจะกลับมาให้คำตอบ

โดยเหตุผลหลักที่พรรคก้าวไกลยังไม่ตอบรับเข้าร่วม เพราะพรรคยังไม่ได้รับความชัดเจนจากรัฐบาลเกี่ยวกับเป้าหมายหรือกรอบของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมการชุดนี้จะยึดถือ เพื่อใช้เป็นหลักสำหรับการหารือเพิ่มเติมในรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการเรื่องประชามติ  ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่า 2 หลักการที่มีความสำคัญที่การได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย คือ

1.จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ไม่ใช่การแก้ไขเพียงบางหมวด หรือ บางมาตรา

2.การจัดทำรัฐธรรมนูญต้องมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ไม่ใช่ สสร. ที่มีส่วนผสมของการแต่งตั้ง

“ต้องเท้าความว่า 2 หลักการนี้ ไม่เป็นแต่เพียงจุดยืนของพรรคก้าวไกล แต่ยังเป็นข้อสรุปที่หลายฝ่ายทางการเมืองเคยมีร่วมกัน ผ่านกระบวนการศึกษาหารือในหลายปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อปลายปี 2562-2563 มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ประกอบไปด้วยตัวแทนของการเมือง เพื่อมาศึกษาปัญหาของรัฐธรรมนูญทุกมาตรา และข้อสรุปของคณะกรรมาธิการชุดนั้นได้ก็คือ ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากประชาชน

เหตุการณ์ที่ 2 ที่สะท้อนให้เห็นถึงฉันทามติที่มีร่วมกันคือ ผลการลงมติของรัฐสภาต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในปี 2563-2564 โดยในวาระที่ 1 สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบ 2 ร่างที่จะนำไปสู่การมี สสร. มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ด้วยคะแนน 88% และ 79% ตามลำดับ ส่วนวาระที่ 2 สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด

โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลอยากได้รับความชัดเจน หากทางรัฐบาลยืนยันว่าการทำงานและการหารือของคณะกรรมการศึกษาจะอยู่ภายใต้ 2 หลักการนี้ พรรคก้าวไกลก็ยินดีที่จะส่งตัวแทนเข้าไปทำงานร่วมกัน  แต่หากยังไม่มีความชัดเจน พรรคก้าวไกลมีความกังวลว่าคณะกรรมการศึกษาชุดนี้ อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการย้อนหลักการสำคัญที่เคยได้ข้อสรุปร่วมกันมาก่อนแล้วเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าจะได้ตัวแทนเลยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องตั้งต้นจากที่เราจะส่งตัวแทนหรือไม่ สถานะปัจจุบันคือเรายังไม่ให้คำตอบ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ทั้งนี้ หากรัฐบาลให้ความชัดเจนก็จะหาข้อสรุปได้ง่ายขึ้น เราคิดว่าไม่ควรย้อน 2 หลักการสำคัญดังกล่าว       เมื่อถามว่าแกนนำได้พูดคุยกันหรือไม่ เพราะหากนายกรัฐมนตรีเซ็นแต่งตั้ง  พรรคก้าวไกลอาจจะเข้าร่วมไม่ทัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรายังไม่ได้รับคำยืนยันจากรัฐบาล ก็อยากเรียกร้องความชัดเจนจากตัวแทนรัฐบาลเช่นกัน ตนคิดว่าหากมีการยืนยันมา คงไม่มีปัญหาอะไรที่จะเข้าร่วมและพูดคุยในรายละเอียดเพิ่มเติม

เมื่อถามว่าหากตอบรับเข้าร่วม บุคคลที่เป็นตัวแทนพรรคก้าวไกลจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงขั้นนั้น ขอให้มีการพูดคุยกันก่อนว่าจะส่งตัวแทนหรือไม่  หากมีการตกลงร่วมกันว่าจะส่งตัวแทน ตนคิดว่าก็จะหาบุคคลที่มีคุณสมบัติได้ไม่ยาก เพราะมีหลายคนในพรรคก้าวไกลที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่า 2 หลักการที่พรรคเรียกร้อง ไม่ได้อยู่ในเอกสารคำแถลงนโยบาย พออภิปรายตั้งคำถามไปก็ยังไม่ได้รับการยืนยันชัดเจน ซึ่งก็มีการลงรายละเอียดบ้าง เช่น การตั้ง สสร. แต่ก็ยังไม่ได้ชัดเจนว่า สสร.ที่ตั้งจะมาจากเลือกตั้ง

“ควรจะมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ให้มีตัวแทนจากทุกชุดความคิดอยู่ในนั้น แต่ถ้าเราเปิดช่องให้ สสร.บางส่วน มาจากการแต่งตั้ง มันก็มีความสุ่มเสี่ยงว่ากระบวนการต่างๆอาจจะถูกผูกขาดหรือครอบงำโดยบางชุดความคิดเท่านั้น” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าจะไม่ถูกมองว่าเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่านายภูมิธรรมให้ความเห็นไว้ว่ากรอบเวลาไม่เกิน 3-4 เดือน ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่พอรับได้ ตนคิดว่าควรทำเร็วกว่านั้นได้ ในเมื่อเคยได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว

หลังการประชุมเสร็จสิ้น  นายพริษฐ์   แถลงมติที่ประชุม สส.ของพรรคก้าวไกล  ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการในคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่รัฐบาลมีมติให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติฯ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีการเชิญตัวแทนของทุกพรรคการเมือง รวมถึงพรรค ก้าวไกลมาร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ที่มีรวมกันทั้งหมด 35 รายชื่อ ที่ประชุม ส.ส.ของพรรค ก.ก. มีมติดังต่อไปนี้

1.พรรคก้าวไกล มีจุดยืนที่ชัดเจนมาโดยตลอด ในการสนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชนทั้งหมด โดยไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ เพื่อให้ประเทศมีกติกาสูงสุดของประเทศที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย

2.พรรคก้าวไกล เสนอว่ากระบวนการดังกล่าวควรเริ่มต้นจากการจัดประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนด้วยคำถามว่า  “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชนทั้งหมด โดยไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ”

3.พรรคก้าวไกล ขอบคุณทางรัฐบาลที่ให้เกียรติตัวแทนพรรคไปร่วมเป็นกรรมการ ทางพรรคพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลที่สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว โดยพรรคยินดีให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล ความเห็น และข้อเสนอของพรรรค ต่อคณะกรรมการหากคณะกรรมการมีความประสงค์ แต่ ณ เวลานี้ พรรค ก้าวไกล ขอสงวนสิทธิในการไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการ

4.เหตุผลที่พรรคมีมติดังกล่าว เพราะพรรคยังไม่ได้รับความชัดเจนจากรัฐบาลเกี่ยวกับเป้าหมายหรือกรอบในภาพใหญ่ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมการชุดนี้จะยึดถือ โดยเฉพาะจุดยืนในการสนับสนุน

(1) การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ  

(2) การจัดทำโดย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชนทั้งหมด

5.สองจุดยืนดังกล่าวเป็นหลักการพื้นฐานที่พรรคก้าวไกลมองว่ามีความสำคัญต่อการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยทั้งที่มา-กระบวนการ-เนื้อหา เป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกฝ่าย และสะท้อนฉันทามติใหม่ของสังคมที่โอบรับทุกความเห็นที่แตกต่างหลากหลายของประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ

6.หากในอนาคต ทางรัฐบาลยืนยัน หรือทางคณะกรรมการศึกษาฯ ได้ข้อสรุปร่วมกัน ว่าจะเดินหน้าภายใต้ 2 จุดยืนดังกล่าว พรรคก้าวไกล จะยินดีให้ตัวแทนพรรคเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการ เพื่อทำงานร่วมกันในการหาข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องแนวทางการทำประชามติ เช่น จำนวนครั้ง กรอบเวลา คำถาม และแนวทางด้านอื่นๆ เช่น จำนวน ส.ส.ร. กรอบเวลาทำงานของ ส.ส.ร.

7.พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า เป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แค่เพียงการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย โดยพรรคก้าวไกล หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลและคณะกรรมการจะได้ข้อสรุปโดยเร็วในการเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชนทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลมีความชัดเจนในข้อกังวล   พรรคก้าวไกลอาจจะเข้าร่วมภายหลังหรือไม่  นายพริษฐ์กล่าวว่า ยินดีเข้าร่วมภายหลัง ตนคิดว่า เมื่อความชัดเจนในสองประเด็นดังกล่าวปรากฏแล้ว  ทางเราก็จะได้ร่วมทำงานกับคณะกรรมการฯ เพื่อลงในรายละเอียดซึ่งยังมีหลายประเด็นที่ต้องมีการหารือกัน ทั้งกรอบเวลา คำถามประชามติ การตั้ง ส.ส.ร. ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าแกนนำพรรคจะแจ้งไปยังรัฐบาลอย่างเป็นทางการ

เมื่อถามว่า โควต้าที่รัฐบาลล็อกไว้ให้ จะต้องคืนหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงต้องมีการหารือกับตัวแทนรัฐบาล ตนเข้าใจว่าโควต้าที่ได้รับมาเป็นโควต้าพรรคการเมือง พร้อมย้ำว่า ณ เวลานี้ เป็นการไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ แต่หากในคณะกรรมการต้องการความเห็นหรือข้อมูล เรายินดีเข้าไปร่วมประชุมและให้ความเห็น แค่ขอไม่รับตำแหน่งคณะกรรมการจนกว่าจะมีจุดยืนชัดเจน โดยวันนี้ยังไม่มีการพูดถึงตัวบุคคลใดๆ

เมื่อถามย้ำว่า การไม่เข้าร่วม จะทำให้องค์ประกอบคณะกรรมการไม่ครบหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ความเห็นของเราได้แสดงออกค่อนข้างครบถ้วนในรายละเอียดแล้ว ตลอดระยะเวลาการทำงานร่วมกันในสภา 4 ปี รวมถึงช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลได้แสดงความเห็นอย่างต่อเนื่อง

----------------