เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ เรียกถก ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ย้ำคุยกันด้วยดี ไร้ขัดแย้ง – ตั้งเป้าจีดีพี 4 ปี โตเฉลี่ย 5%

โดย nattachat_c

3 ต.ค. 2566

6 views

วานนี้ (2 ต.ค. 66) ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิด โครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้นำเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม


โดยนายเศรษฐา ได้พูดนโยบายระยะยาวของรัฐบาล ที่จะมีมาตรการอย่างไรให้เศรษฐกิจโตได้อย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายชัดเจน โดยด้านเศรษฐกิจคือการทำให้จีดีพีของประเทศ โตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปี นี้ โดยขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาประเด็นทั้งกรอบความสำคัญทั้ง 5 ข้อ ได้แก่


1.ทำงบประมาณตามนโยบายที่สัญญากับประชาชน

2.ทำอย่างบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อน

3.ทำอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาวินัยการเงินการคลัง

4.ทำอย่างมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย

5.ทำให้ครบทุกแหล่งเงินทุน และยึดวินัยการเงินการคลัง


และขอให้จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 6 ตุลาคมนี้


ทั้งนี้ นายกฯกล่าวมอบนโยบายว่า ขอมอบนโยบายและกรอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอเริ่มที่การฟื้นฟูรายได้ จะเริ่มต้นด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในต้นปี 2567 จะมีเงินอัดฉีดเข้าไปในเศรษฐกิจ ด้วยกรอบประมาณ 560,000 ล้านบาท ด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายนี้จะแตกต่างจากการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่ผ่านมา


ครั้งนี้เงิน 560,000 ล้านบาท ที่เข้าไปกระตุ้นดีมานด์ (Demand) และจะขับเคลื่อนฝั่งซัพพลาย (Supply) หรืออุปทานให้โตขึ้น ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สิ่งที่ได้รับคืนมาคือภาษีที่กลับคืนสู่ภาครัฐ ทำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเศรษฐกิจนี้ระยะเวลา 6 เดือน


และย้ำว่า ไม่ต้องห่วงครับ ได้ใช้แน่นอนในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

----------

วานนี้ (2 ต.ค. 66) ช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ที่ทำเนียบรัฐบาล  จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อหารือกับหน่วยงานในกระทรวงการคลังและเรียกผู้บริหารกรมชลประทาน ร่วมหารือเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมที่นี่ด้วย  


โดยนายกฯ ให้สัมภาษณ์เปิดเผยเกี่ยวกับการหารือกับผู้ว่า ธปท.ว่า  เป็นการพูดคุยกันธรรมดาในฐานะผู้บริหารองค์กรสูงสุด  เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม รวมไปถึงรับฟังข้อกังวล และ ข้อเสนอแนะต่าง ๆ  โดยไม่ขอเปิดเผยถึงรายละเอียดการพูดคุย ระบุเพียงว่า เป็นเรื่องผู้ใหญ่ 2 คน คุยกัน และคุยกันด้วยดี หลังจากนี้จะพบปะกันอย่างต่อเนื่อง


ยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งอย่างแน่นอน และได้ประเมินสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจในทุกเรื่อง ต่างคนต่างทบทวนนโยบาย ไม่ได้จัดฉาก แต่พูดคุยเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ทุกเรื่องที่เกี่ยวปากท้องของประชาชน ในฐานะที่ธปท.ดูแลภาวะการเงินของประเทศ เมื่อเชิญมาก็ต้องให้ความสำคัญ


“ยืนยันว่าคุยกันด้วยดี และจะมีการนัดพบกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีประเด็นเรื่องความขัดแย้ง ไม่มีแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจร่วมกัน ได้คุยกันในทุกเรื่อง แน่นอนว่าหลังจากนี้ ต่างฝ่ายจะนำข้อมูลกลับไปทบทวน ไม่เช่นนั้นจะเรียกมาพบทำไม ไม่ได้เรียกมาจัดฉากเพื่อทะเลาะกัน แต่เรียกมาพูดคุยกันเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งผู้ว่าการ ธปท.ก็ดูแลสภาพการเงินการคลังของประเทศ ถ้าผมเชิญท่านมา ก็ต้องให้ความสำคัญกับท่าน ส่วนตัวผมกังวล มีข้อกังวลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน” นายเศรษฐากล่าว


นายเศรษฐา ยอมรับว่า ในการพูดคุยก็มีทั้งเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผล อย่างไรก็ตามการพูดคุยในวันนี้ไม่ได้ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดในมาตรการที่ได้ออกประกาศไปแล้ว พร้อมระบุว่า ในช่วงเย็นจะยกหูโทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้ว่า ธปท.อีกครั้ง ก่อนที่จะหารืออย่างเป็นทางการในอีกราว 2 สัปดาห์ข้างหน้าหรืออาจจะเร็วขึ้น และจะพบปะเป็นระยะและบ่อยขึ้น ทั้งนโยบายที่กำลังดำเนินอยู่และนโยบายที่รัฐบาลคิดจะทำในอนาคต


ส่วนภารกิจการประชุมร่วมกับหลายหน่วยงาน หลายวงเกือบ 3 ชั่วโมง เมื่อวานนี้ นายเศรษฐา ระบุว่า ได้พูดคุยกับกระทรวงกลาโหม กรมชลประทาน และกระทรวงการคลัง นโยบายทุกเรื่องมีความคืบหน้า เช่น เรื่องการจัดการน้ำ  มาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต  ส่วนเรื่องรายชื่อคณะกรรมการศึกษาประชามติแก้รัฐธรรมนูญได้ครบแล้ว เตรียมเสนอเข้า ครม.วันนี้


ทั้งนี้ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการรับทราบว่ารัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยเหลืออะไรบ้าง และอยากรู้ว่า ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่บ้าง และให้แน่ใจว่าภาคอุตสาหกรรมจะไม่ได้รับผลกระทบหรือมีปัญหา  


ตรงนี้ถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ที่จะกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ หากกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่ดี ๆ มีข่าวออกไปว่าประเทศไทยขาดแคลนน้ำ อันนี้ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบจะมโหฬาร ก็ต้องฝากตรงนี้ไว้ด้วย


ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุภายหลังการหารือ โดยยืนยันว่า ในวันนี้ (3 ต.ค.66) กระทรวงการคลังจะมีการเสนอชื่อคณะกรรมการดิจิทัล วอเลท ซึ่งเบื้องต้นคณะกรรมการชุดนี้จะมีด้วยกันประมาณ 20 ราย เข้าสู่ที่ประชุม ครม.

---------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/xCNj49im3x8

คุณอาจสนใจ

Related News