เลือกตั้งและการเมือง

'ทนายอนันต์ชัย' รับมีคนสั่งเบรกทำคดี 'บิ๊กโจ๊ก' ยันเดินหน้าต่อภารกิจ 'บิ๊กเซอร์ไพรส์' 5 ต.ค.นี้

โดย nattachat_c

3 ต.ค. 2566

7 views

วานนี้ (2 ต.ค. 66) ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจอีก 8 นาย ที่ถูกดำเนินคดีฐานพัวพันเว็บไซต์พนันออนไลน์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ว่า


เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่า

เราจะถอยดีไหม ตนจึงบอกไปว่า จะถอยได้อย่างไร เพราะยังมีน้อง ๆ ตำรวจอีก 8 นายที่ถูกดำเนินคดี และตนมองว่าเป็นการถูกกลั่นแกล้ง รวมถึงตัวบิ๊กโจ๊กเองด้วย จะยอมไม่ได้ เพราะกำลังรบกันอยู่ ยังไม่ไปถึงไหน อยู่ ๆ จะมีคนมาสั่งไม่ได้


ซึ่งตนได้ถาม พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ว่า ใครที่สั่งมา

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า อย่ารู้เลย ตนเลยบอกว่า ไม่เป็นไร ตนจะทำต่อไปในส่วนของตน แต่ถ้า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ คิดว่าตนไม่สามารถจะทำคดีให้ต่อไปได้ ก็ให้ถอนตนออก แต่จะมาบอกให้ตนหยุดเอง ตนไม่หยุด เหมือนการเปลี่ยนม้ากลางศึก ตอนที่กำลังรบ ตนทำไม่ได้ รบแบบนี้จะไม่ชนะ ไม่ใช่ว่าดันทุรัง แต่สถานการณ์ตอนนี้ฝุ่นกำลังตลบ ทุกคนยังอยู่ในสนามรบ เป็นตายเท่ากัน ตนเลยโพสต์เรื่องยิงธนูลงไปในโซเชียลมีเดียส่วนตัว


ทั้งนี้ หลังจากที่ตนโพสต์ไป ก็ได้มีบุคคลที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับวงการตำรวจ ซึ่งคงเป็นคนละคนกับที่ติดต่อหา พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ แต่น่าจะเป็นสายเดียวกัน โทรศัพท์มาหาตนแล้วพูดในทำนองว่า

“ให้เบา ๆ หน่อย ให้ระวังตัวหน่อย” ซึ่งตนก็เฉย ไม่ได้ตอบโต้อะไรไป แต่ได้โพสต์ไปอีกครั้ง บอกว่า เราเป็นทนายสายชน สู้ไม่ถอย ทางใครทางมัน ตนต้องดูแลรับผิดชอบลูกความ และตนก็ไม่รับโทรศัพท์สายนั้นอีก


ทนายอนันต์ชัย ยืนยันว่า ไม่ใช่ว่าตนอยากดัง สั่งให้ถอยแล้วไม่ถอย แต่การทำงานของตน อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและความเป็นธรรม ไม่ใช่ทำงานตามใจใคร


พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มาหาตนตอนเลือดท่วมตัว ตนในฐานะแม่ทัพก็ต้องออกมารักษาและรบต่อ ส่วนคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน ถ้าไม่ได้มาร่วมรบด้วย ก็ขออย่ารู้ดีไปกว่าตน ตนทำงานโดยใช้วิชาชีพ และตนไม่เคยพูดว่าคดีนี้จะต้องชนะ ตนทำตามพยานหลักฐาน ตนไม่ใช่ทนายเทวดา ตนมาทำคดีนี้ ก็เพื่อต้องการให้ข้อเท็จจริงปรากฎ


ส่วนกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์นั้น จากที่ได้พูดคุยกัน ก็ยังสบายดี เพียงแต่ตนได้กำชับไว้ว่าไม่อยากให้พูดอะไร เพราะพูดแล้วอาจไปกระทบบุคคลอื่น หรือกระทบต่อรูปคดี แต่ไม่ใช่ว่าตนมีอำนาจเหนือกว่า ตนสั่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ได้ แต่ในสนามรบ ตนคือแม่ทัพ ต้องเป็นใหญ่ แต่ถ้าเลิกรบ จบคดี พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์คือฮ่องเต้ก็เป็นใหญ่ จะตัดหัวตนก็ได้


สำหรับ 'บิ๊กเซอร์ไพรส์' ที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะชนในวันพฤหัสบดีที่ 5 ต.ค. 66 นี้ ยืนยันว่า

ยังมีอยู่ ทำเอกสารทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว และมั่นใจว่า สิ่งที่จะเปิดเผยไป เปรียบได้กับการ "เด็ดดอกไม้ดอกเดียว สะเทือนถึงดวงดาว" เพราะเรื่องนี้จะกระทบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมด


ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปกระทบกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่หรือไม่นั้น

ทนายอนันต์ชัย บอกว่า อันนี้บอกไม่ได้ แต่กระทบเยอะแน่นอน


อย่างไรก็ตาม หากภายในวันที่ 5 ต.ค. 66 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ถอดถอนตนจากตำแหน่งทนายความก่อน ทุกอย่างก็ถือว่าจบกัน

ตนก็จะไม่มีการเปิดเผยบิ๊กเซอร์ไพรส์นี้ต่อสาธารณชน ซึ่งที่คุยกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ล่าสุด ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะถอน


ทนายอนันต์ชัย ยังบอกอีกว่าในวันนี้ (3 ต.ค. 66) ยังไม่มีการเชิญให้ 8 ตำรวจมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม

แต่ล่า สุดตนเอนได้ติดต่อไปยัง นางสาวสุชานันท์ หรือ นางสาวธนัยนันท์ มินนี่ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย ซึ่งติดต่อได้แล้ว แต่ตอนนี้ อยู่ระหว่างการประชุมว่า จะนัดพูดคุยกันที่สำนักงานทนายความตนเอง หรือว่า สถานที่อื่น ซึ่งตนเองอยากที่จะคุยถึงรายละเอียดทั้งหมดจากปากของมินนี่อีก

-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/MII6uu-ftoU



คุณอาจสนใจ

Related News