"พล.ต.อ.เอก" แจงไม่เห็นชอบ "บิ๊กต่อ" นั่ง ผบ.ตร. มองให้น้ำหนักเรื่องอาวุโสน้อยไป

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.) ได้ลงมติไม่เห็นชอบ ให้พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. วาระการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ในที่ประชุมเมื่อวานนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อแคนดิเดตให้ที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบ แต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีการอภิปรายถึงหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของแคนดิเดตทั้ง 4 คน โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้คณะกรรมการทุกคน แสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง


ท้ายสุด ได้ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คือ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ สรุปให้เห็นภาพรวมของประวัติการทำงานในรอบปีที่ผ่านมาของแคนดิเดตทั้ง 4 คน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ให้คณะกรรมการลงมติให้ความเห็นชอบ ซึ่งการลงมติ เป็นแบบเปิดเผยโดยใช้วิธีการยกมือซึ่งมีคณะกรรมการเห็นชอบทั้งหมด 9 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ส่วนตนเองนั้น ลงมติไม่เห็นชอบ 1 เสียง


โดยเหตุผลที่ตนลงมติไม่เห็นชอบนั้น ได้บันทึกไว้ในรายงานการประชุมว่า ตนได้พิจารณาแล้วว่า การที่นายกรัฐมนตรีเลือกผู้ที่สมควรเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้คำนึงถึงลำดับอาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน รวมไปถึงเรื่องประสบการณ์ด้านงานสืบสวนสอบสวนและงานป้องกันปราบปราม จึงลงมติไม่เห็นชอบ


พลตำรวจเอกเอก ระบุว่า สาเหตุที่ตนมองว่าการที่นายกรัฐมนตรี เสนอชื่อพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของข้อกฎหมาย เนื่องจากความเห็นส่วนตัวมองว่า การเสนอผู้ที่มีลำดับอาวุโสเป็นลำดับที่ 4 นั้นเป็นการให้น้ำหนักความสำคัญ เรื่องลำดับอาวุโสน้อยเกินไป


ตนมองว่าเรื่องลำดับอาวุโสถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในการจะพิจารณาผู้ที่เหมาะสม เพราะการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นผู้พิจารณา และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีการกล่าวถึงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งตำรวจ


สืบเนื่องมาจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ตำรวจถูกกล่าวหามาก ทั้งเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง มีผู้มีอิทธิพล นักการเมืองท้องถิ่นแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ดังนั้น กฎหมายจึงระบุหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อต้องการให้การแต่งตั้งตำรวจเป็นไปโดยบริสุทธิ์และยุติธรรม ซึ่งตนเองก็ได้อภิปรายเรื่องข้อกฎหมายและที่มาที่ไปของกฎหมายตั้งแต่แรก


ทั้งนี้ ย้ำว่าตนไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เหมาะสมหรือผู้ที่จะได้รับคัดเลือก ต้องเป็นผู้ที่มีลำดับอาวุโสเป็นอันดับ 1 เพราะกฎหมายไม่ได้ชี้ชัดไว้ เพียงแต่มีความเห็นว่า น้ำหนักการคำนึงถึงลำดับอาวุโส น่าจะต้องมีมากกว่านี้


อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้ระบุสัดส่วนเป็นตัวเลขที่ชัดเจนในการจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ข้อต่าง ๆ แต่ให้ดูในภาพรวม ซึ่งในส่วนของความรู้ความสามารถ คือ ประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน และความประพฤติ ตนเห็นว่าแคนดิเดตทั้ง 4 ท่าน มีความรู้ความสามารถ เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับพิจารณาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ทั้งหมด ไม่ได้แตกต่างกัน และไม่ได้มีใครด้อยกว่าใคร ดังนั้น ตนไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้ลงมติไม่เห็นชอบให้พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีเพียงแค่เรื่องข้อกฎหมายตามกรอบเท่านั้น และไม่ได้มีปัญหากับตัวบุคคล


ส่วนเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีเสนอชื่อพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ให้คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงต่อที่ประชุมแต่ตนขอไม่ก้าวล่วงที่จะเปิดเผยในประเด็นนี้ แต่ยอมรับว่า ในที่ประชุม มีทั้งตนและคณะกรรมการอีกหลายท่าน ที่ได้อภิปรายขอความชัดเจนในประเด็นเรื่องข้อกฎหมายตามที่ได้กล่าวไป