เลือกตั้งและการเมือง

"อัจฉริยะ" มีข้อมูลลับ "บิ๊กโจ๊ก" สะสมมานานกว่า 2 ปี หากแฉอาจไม่มีแผ่นดินอยู่

โดย gamonthip_s

27 ก.ย. 2566

293 views

เมื่อช่วงเช้า 27 ก.ย.66 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. เพื่อขอให้ตรวจสอบบ้าน 5 หลังที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าของ แต่ใช้ชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์ครอบครองว่า ได้มาซึ่งประโยชน์หรือทรัพย์สินเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และได้แจ้งบ้านทั้ง 5 หลังในบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สินหรือไม่ รวมทั้งขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินตามกฎหมายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล



โดยนายอัจฉริยะกล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พูดวนไปวนมาเรื่องของบ้าน 5 หลังที่ตำรวจตรวจค้น ตอนแรกบอกว่าเป็นบ้านของตนเองภายหลังมาบอกว่าเป็นบ้านของญาติ ก่อนที่จะมาบอกเมื่อวานนี้ว่าเป็นบ้านของ "เฮียแต๋ม" และเช่าเขาอยู่เดือนละ 50,000 บาท จากหลักฐานที่ตนมี พบว่าเฮียแต๋มจ่ายค่าส่วนกลางของบ้านให้ ส่วนค่าไฟนั้น ตอนแรกที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ได้โอนให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ 1 ใน 8 ตำรวจที่เป็นผู้ต้องหาไปจ่ายค่าไฟ ภายหลังพบว่า ค่าไฟบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ใช้เงินของผู้ต้องหาคดียาเสพติดมาจ่าย โดยใช้บัญชีม้าพนันออนไลน์ของเครือข่ายมินนี่จ่ายค่าไฟให้ วันนี้ตนจึงมาร้องให้ ปปป. ตรวจสอบเรื่องค่าไฟของบ้านบิ๊กโจ๊กตาม พ.ร.บ.ปปช.



พร้อมกันนี้ตนตั้งข้อสงสัยว่า ถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ทรัพย์สินจากมรดกของพ่อตาเป็นพันล้านบาท แต่ทำไมถึงไม่ซื้อบ้านเป็นของตนเอง แต่มาเช่าบ้านเฮียแต๋มอยู่ ส่วนเฮียแต๋มนั้น ตนมีข้อมูลว่าเขาไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตนรู้จักกับเฮียแต๋มเป็นอย่างดี สมัยก่อนเคยทำธุรกิจคาราโอเกะ เคยถูก ป.ป.ช. เคยเรียกมาสอบแล้ว เพราะเคยมีข้อครหาว่าเฮียแต๋มจ่ายเงินให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.



ส่วนประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ้างว่า ได้รับโอนเงินราชการลับจาก ผบ.ตร. เพื่อนำไปให้ชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำคดี เดือนละ 600,000 บาท ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะส่งเงินให้ลูกน้องไปทำงาน มองว่าประเด็นนี้ต้องไปสอบถาม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เองว่า ให้เงินราชการลับแก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จริงหรือไม่



นายอัจฉริยะยังระบุเพิ่มเติมว่า ตนเคยเตือน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าตนรู้เรื่องพวกนี้มาตลอด และเตือน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย มาแล้วว่าให้หยุดเรื่องพวกนี้ ตนก็รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง คำร้องฝากขังก็มีชื่อของตนอยู่ในแชตของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ส่งข้อความเตือนมาแล้ว



ทั้งนี้ จากที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยกล่าวว่ามีความลับในองค์กรที่เปิดเผยแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสียหายได้ ตนก็มีข้อมูลลับจำนวนมากของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เช่นกันซึ่งที่สะสมมามากถึง 2 ปี ตนเชื่อว่าถ้าตนเปิดข้อมูลนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ นี่ถือว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างตนกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สิ่งที่ตนต้องการทำคือ ต้องการทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขาวสะอาด ไม่ใช่ว่าตำรวจที่รับทำคดีมากมาย เช่น คดี 140 ล้านของเป้ แต่มาทำผิดเรื่องเปิดเว็บพนันเสียเอง เครือข่ายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้มีแค่นี้ แต่ยังมีแจ็คกี้ เจ้าแดน และรองผู้การอีกหลายท่าน ที่ก่อกรรมทำเข็ญมายาวนานและรับฟอกเงินให้กับเครือข่ายของมินนี่ โดยตนจะค่อย ๆ เปิดเผยเป็นซีรีส์จำนวน 15 ตอน เมื่อใดที่ตนถูกฟ้องดำเนินคดีอีก ก็จะค่อย ๆ เปิดเผยในคราวต่อ ๆ ไป



ส่วนกรณีสื่อมวลชนมีส่วนกระทำความผิด นายอัจฉริยะกล่าวว่า มีนักข่าว 10 คน เรื่องนี้ให้ตำรวจดำเนินการ ตนเองขอไม่ก้าวล่วงการทำงานของตำรวจ คนไหนรับเงินคนนั้นก็รับผิดชอบ เชื่อว่าอีกไม่เกิน 15 วัน น่าจะมีการเช็กบิลนักข่าว เพราะพบว่าเป็นกลุ่มคนที่รับเงินโดยตรงมาจากบัญชีเครือข่ายมินนี่เลย จากคนที่ได้รับเงินทั้งหมด 650 คน



สำหรับเส้นทางการเงินของนักข่าว พบว่ามี 3 ลักษณะ คือ 1) นักข่าวที่จะได้รับข้อมูล Exclusive ในสำนวนคดีหรือตามติด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 2) เป็นกลุ่มนักข่าวที่จะไม่ค่อยถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เท่าไหร่ 3) นักข่าวที่ได้รับเงินมาเพื่อเขียนข่าวโจมตีฝั่งตรงข้ามและเขียนข่าวอวยสรรเสริญ โดยพบว่า จะมีการจ้างข่าวละ 5,000 บาทไปจนถึงหลักหมื่นกว่าบาท โดยนายอัจฉริยะกล่าวเป็นนัย ๆ ว่าในจำนวน 10 นักข่าวนี้มีนักข่าวสังกัดช่องอันดับ 1 ของประเทศไทยรวมอยู่ด้วย



พร้อมกันนี้ นายอัจฉริยะพูดปิดท้ายว่า ครั้งนี้ไม่เป็นการมวยต้มล้มคนดูแต่อย่างใด และเป็นการเดิมพันที่แลกมาด้วยชีวิตตนเอง

คุณอาจสนใจ

Related News