เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยธวัช' โชว์วิสัยทัศน์ เดินหน้านำทัพก้าวไกล ย้ำ 'พิธา' ยังเป็นว่าที่นายกฯของพรรค

โดย passamon_a

25 ก.ย. 2566

67 views

ชัยธวัช เดินหน้า 4 ยุทธศาสตร์ 2 ภารกิจ นำทัพก้าวไกล บอกปัญหาการเมืองไทยแก้ไม่ได้ เพราะการรัฐประหารไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง มองกลับถ้าโพสต์เฟซบุ๊กแบบที่ผู้มีอำนาจไม่อยากเห็น อาจจะต้องติดคุกเป็นสิบปี หรืออาจถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต


เมื่อวันที่ 24 ก.ย.66 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่น ดินแดง พรรคก้าวไกลจัดงาน "ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน" ซึ่งเป็นงานเปิดตัว นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ รวมถึงเชิญบุคคลที่เป็นเฉพาะสมาชิกพรรคทั่วประเทศ มารับฟังยุทธศาสตร์ของพรรคหลังจากนี้ เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน


นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นกล่าวบนเวทีในงาน ว่า นี่คือประชุมสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกลที่ใหญ่ที่สุดที่ทำมา ซึ่งจะเป็นทิศทางที่สำคัญที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีประชาชนเข้ามาส่วนร่วมมากที่สุด


วันนี้ตนมายืนแทน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แต่ตนอยากจะประกาศในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า แม้ว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนไป แต่ว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลจะไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คนเดิม วันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ จึงอยากพูดถึงเส้นทางทางการเมืองของพรรคและบทใหม่ของการเมืองไทย


มีหลายคนที่บอกว่า มีการเปลี่ยนจากระบอบเผด็จการ สู่ระบอบประชาธิปไตย ตนคิดว่าก็คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเราเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่เคารพเสียงของประชาชน และปัญหาการเมืองไทยประการที่ 2 คือ รัฐรวมศูนย์ เป็นระบบปิดกั้นการเมืองไทย เต็มไปด้วยการทุจริตไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ซึ่งเรื่องการกระจายอำนาจรัฐบาลนี้คือ การกระจายอำนาจแบบผู้ว่า CEO และเราเห็นทุนผูกขาดแล้ว รวมถึงปัญหาการเมืองเรื่องนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน ที่กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ความเสมอภาคต่อกฎหมายไม่มีอยู่จริง


ระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีไว้เพื่อพิทักษ์รักษารับใช้คนบางกลุ่ม แต่ไม่ได้มีเป้าหมายพิทักษ์คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของทุกคน และถ้าต้องการความเป็นธรรมในประเทศนี้ อย่าหาความยุติธรรมแบบสากล แต่จงสยบยอม ยอมรับ ในแบบอภิสิทธิ์ชนของไทย เมื่อยอมรับก้มหัวท่านจะได้ความกรุณาปราณี


"ซึ่งปัญหาเหล่านี้ของการเมืองไทยเราแก้ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาการเมืองไทยเป็นการเมืองของชนชั้นนำ ที่อนุญาตให้มีการรัฐประหารได้ตลอดเวลา ถ้าเอารถถังมายึดอำนาจไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ถ้าโพสต์เฟซบุ๊ก แบบที่ผู้มีอำนาจไม่อยากเห็นไม่อยากได้ยิน อาจจะต้องติดคุกเป็นสิบปี หรือไม่ก็อาจจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต"


นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า การเมืองไทยคือการเมืองที่ อนุญาตให้ไปเลือกตั้งได้เป็นพัก ๆ แต่ไม่ยอมให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน แบบนี้ตนขอเรียกว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนเป็นไม้ประดับ และการเมืองของชนชั้นนำเป็นการเมืองที่อนุญาตให้แข่งขันกันได้ในระบบการเลือกตั้ง เป็นการแข่งขันกันไปมีอำนาจ และผลัดกันไปแบ่งสันปันส่วนในตำแหน่ง และเก้าอี้ แต่การเมืองชนชั้นนำไม่ได้แข่งขันไปเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมไทยแบบเดิม ๆ


"หลายคนอาจจะบอกว่า อย่าคิดอะไรมากเรามาอาศัยเขาอยู่ ดังนั้นจงเชื่อว่าประชาชนไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงจนกว่าเจ้าของบ้านตัวจริงจะอนุญาต"


ดังนั้นสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือ การพยายามออกจากการเมืองของชนชั้นนำแบบเดิม กลายเป็นโจทย์สำคัญของยุคสมัยที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไปแล้ว หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง มีความพยายามปฏิรูปสังคมไทยครั้งใหญ่ มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การต่อสู้ของชนชั้นนำทางการเมือง 2 กลุ่ม ทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่


หลายคนล้มตาย หลายคนถูกดำเนินคดี แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ทำให้เกิดสำนึกใหม่ในหมู่ประชาชน ประชาชนจำนวนมากต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และต้องการให้เกิดการปฏิรูประเทศ นี่จึงเป็นสำนึกใหม่ที่เกิดขึ้นมา และเมื่อต่อสู้กันมาเกือบ 20 ปี ก็กลับมาจับมือกัน และพวกเขาค้นพบอันตรายจากชนชั้นนำ คือสำนึกใหม่


ทั้งนี้ภัยคุกคามการเมืองชนชั้นนำ คือการเมืองของประชาชน ดังนั้น ตนอยากจะบอกว่า ในสถานการณ์ในปัจจุบัน สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการประชาธิปไตย แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านของชนชั้นนำแบบจารีตกับชนชั้นนำแบบเลือกตั้ง เปลี่ยนผ่านการต่อสู้เป็นการเมืองของชนชั้นนำแบบการเลือกตั้ง กับการเมืองของประชาชน และนี่คือรากฐานทางการเมืองของรัฐบาลปัจจุบัน จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองไทยบทใหม่นับจากนี้ต่อไป


นายชัยธวัช ยังกล่าวอีกว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อยากจะบอกว่า เป้าหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล คือเราต้องผลักดัน ต้องเปลี่ยนแปลง สิ่งที่การเมืองของชนชั้นนำบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นสิ่งที่สังคมไทยปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป ภายใต้เป้าหมายนี้ พรรคก้าวไกลจะมียุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้าน มีภารกิจเฉพาะหน้า 2 ภารกิจ คือ สร้างพรรคก้าวไกลให้เข้มแข็ง เป็นสถาบันทางการเมืองจริง ๆ ให้ได้ และงานในวันนี้ถือจุดเริ่มต้น จึงอยากเชิญชวนให้ช่วยกันขยายสมาชิกพรรค ช่วยกันขยายการมีส่วนร่วมของประชาชน และช่วยกันปักธงทางความคิดทำพรรคก้าวไกลให้พร้อมปันเปลี่ยนแปลงเมื่อช่วงของการเปลี่ยนแปลงมาถึง


ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือฝ่ายค้านในสภา ที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ตนในฐานะหัวหน้าพรรคนใหม่ ให้สัญญาว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารอย่างตรงไปตรงมาไม่เกรงใจใครอย่างที่เคยพิสูจน์ ดุดันด้วยเนื้อหา


ยุทธศาสตร์ด้านที่ 3 คือฝ่ายค้านเชิงรุก เรื่องนี้ตนขออนุญาตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล มาอธิบาย


ยุทธศาสตร์ที่ 4 คือ ตรึงพื้นที่เก่า รุกพื้นที่ใหม่ พื้นที่ไหนประชาชนให้ความไว้วางใจ ก็จะต้องเร่งทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เราทำงานไม่เหมือนใคร สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างไร นี่คือสิ่งที่ต้องช่วยกันทำ ส่วนพื้นที่ไหนที่ยังไม่ชนะการเลือกตั้ง ก็ขอเชิญชวนให้ทำพรรคให้เข้มแข็งขึ้น และช่วยกันเฟ้นหาสภาผู้แทนราษฎรของทุกคน


โดยหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะสร้างกลไกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสรรหา ท้องถิ่นทุกระดับ เป้าหมายไม่ใช่การสร้างหัวคะแนนในการเลือกตั้งใหญ่ แต่ต้องการผลักดันการกระจายอำนาจในการรวมศูนย์


และภารกิจสุดท้ายคือ ร่วมกันผลักดันให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน จึงอยากให้ช่วยกันรณรงค์เรียกร้อง ทำประชามติว่าต้องการให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับหรือไม่ และ สสร.ต้องมาจากประชาชนทั้งหมด


นายชัยธวัช ยังกล่าวอีกว่า ที่ตนพูดมาทั้งหมด ตนทราบดีว่า หลายคนเสียใจ หลายคนสิ้นหวัง หลายคนเสียน้ำตา เพราะพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ตนอยากจะบอกว่า นับจากนี้ขอให้เอาน้ำตา เอาความเสียใจไว้ข้างหลัง และไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจอีกต่อไป วันนี้พวกเราช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหน ดังนั้นจึงต้องจับมือสร้างความเปลี่ยนแปลงบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ก้าวต่อไปก้าวไกลทั้งแผ่นดิน


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/PqO-SOd0Ucw

คุณอาจสนใจ

Related News