เลือกตั้งและการเมือง
'เศรษฐา' แจงภาพหมู่กลุ่มเจ้าสัว ยันไม่มีใครขออะไรพิเศษ หลังโดนวิจารณ์เอื้อนายทุน
30 ส.ค. 2566
91 views
วานนี้ (29 ส.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุมสส. พรรคเพื่อไทย ในกรณีที่เสียงวิพากย์วิจารณ์ เมื่อได้เผยแพร่ภาพที่เจ้าตัวได้ทานข้าวและพูดคุยกับเหล่าเจ้าสัว โดยมีหลายคนตั้งคำถามถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าจะทลายทุนผูกขาด โดย นายเศรษฐา ได้ชี้แจง ดังนี้
ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ จากนี้ จะมีการลงพื้นที่มากเพิ่มขึ้น และ ศุกร์นี้ (1 ก.ย. 66) ก็อาจจะมีภารกิจลงพื้นที่ ซึ่งหากไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะมีการลงพื้นที่ต่างจังหวัดทุกอาทิตย์ ขอให้มั่นใจว่า อะไรที่ทำได้จะทำทันที
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายไม่เอื้อกลุ่มทุน แต่กลับมีภาพไปพบกลุ่มทุน
นายเศรษฐา ไม่ขอตอบคำถามดังกล่าวนี้ เพราะไม่เป็นธรรมกับตนเอง และบุคคลที่อยู่ในภาพ ทั้งนี้ ทุกคนล้วนเป็นคนที่หวังดีต่อประเทศชาติ ไม่ได้มีการขออะไรกับตนเองเลย และเป็นการพบปะพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมือง และสิ่งที่อยากให้เราทำ
และย้ำว่า กลุ่มคนดังกล่าวไม่ได้มีการมาขออะไรให้กับบริษัทหรือเครือข่าย แม้แต่คนเดียว ทุกคนมีจิตใจดี และหวังดีกับประเทศชาติ พร้อมให้กำลังใจและเข้าใจถึงขีดจำกัดในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็น และยืนยันเป็นครั้งที่สามว่า ไม่ได้มาขออะไร ขอให้มั่นใจในตรงนี้
เมื่อถามว่า กลุ่มนักธุรกิจที่มีการไปพบ มีการเสนออะไรที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
นายเศรษฐา ระบุว่า มีการพูดคุยกันเยอะ แต่ขอให้ถึงเวลาที่สมควร แล้วจะบอกอีกครั้ง
-------------
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการได้เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมกับผู้บริหารระดับสูง อีกจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น
เป็นการร่วมรับประทานอาหารค่ำ อย่างเป็นกันเอง และพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและแชร์ความคิดเห็นที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลใหม่ จะเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมีเป้าหมายให้เห็นผลทันที
ทั้งนี้ ประเด็นหารือหลักๆ ได้แก่ 1. เร่งรัดภาคท่องเที่ยว ที่ตอนนี้เป็นภาคที่ทำรายได้เข้าประเทศ จึงเห็นนายกฯพร้อมทีมได้ลงพื้นที่ภูเก็ต พังงา พบกับกลุ่มการบิน เพื่อแก้ปัญหาเที่ยวบินให้เพียงพอ พูดถึงฟรีวีซ่า โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของไทย ทำอย่างไรให้สะดวกและจูงใจให้เข้ามาเที่ยวไทยได้มากขึ้น ยิ่งตอนนี้มีข่าวสะพัดในจีนว่ามาเที่ยวเมืองไทยไม่ปลอดภัย เป็นเรื่องที่รัฐต้องเร่งแก้ไข แม้ตอนนี้ชาวจีนออกนอกประเทศลดลงกึ่งหนึ่ง
เพราะเศรษฐกิจในจีนลดลง และรัฐบาลจีนกระตุ้นให้เที่ยวในประเทศมากขึ้น จึงเห็นด้วยกับฟรีวีซ่า เริ่มตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ยาวถึงเดือนมีนาคมปีหน้า จูงใจนักท่องเที่ยวจีน ที่เชื่อว่ามีอีกมากที่ต้องการเดินทางเที่ยวนอกประเทศ ยิ่งตอนนี้มีปัญหาความไม่พอใจกันกับญี่ปุ่นและเกาหลีเรื่องการปล่อยน้ำบำบัดนิวเคลียร์ อีกทั้งค่าตั๋วเครื่องบินไปสหรัฐหรือยุโรปยังสูงมาก ปัจจัยเหล่านี้ก็จะทำให้ชางจีนหันมาเที่ยวไทยได้เพิ่มขึ้น แม้จีนเคยไปทั่วโลก 80 ล้านคน หายไปกึ่งหนึ่งเหลือ 40 ล้านคน ถือว่าจำนวนยังมาก ปีนี้จีนมาไทยแค่ 1.8 ล้านคน จากเป้า 5 ล้านคน ซึ่งยังต่ำกว่าปี 2562 ที่มาถึง 10 ล้านคน จึงเป็นประเด็นแรกที่รัฐบาลใหม่ต้องปลดล็อกปัญหาต่างๆที่มี
นายสนั่น กล่าวว่า อีกประเด็นที่พูดคุยกันคือ การเร่งรัดภาคส่งออก ซึ่งตัวเลขล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2566 ยังติดลบ 6.2% และ 7 เดือนแรกปีนี้ ติดลบสะสม 5.5% แต่ดูจากฐานตัวเลขส่งออกไตรมาส 4 ปีก่อน และปัจจัยหลายเรื่องที่คลี่คลาย คาดว่าตัวเลขส่งออกเดือนสิงหาคม ติดลบในอัตราที่ลดลง และกลับมาเป็นบวกในไตรมาสสุดท้ายของปี เพราะสต๊อกในหลายประเทศเริ่มลดลง คำสั่งซื้อใหม่จะกลับมาในเดือนกันยายน-ตุลาคม แม้ปีนี้ส่งออกไทยจะติดลบแต่เชื่อว่าน้อยกว่าประเทศอื่นๆ อย่างเวียดนามติดลบเกิน 10%
อีกประเด็นคือการเร่งรัดใช้ประโยชน์และเจรจาเปิดเสรีการค้า(เอฟทีเอ) รวมถึงรัฐบาลกับเอกชนจัดคณะไปเยือนประเทศศักยภาพสูง เช่น ยูเออี เอเซีย ซึ่งทางหอการค้าก็เตรียมจัดคณะไปจีนและยุโรป หลังได้คณะรัฐมนตรีแล้ว
“ฝากนายกฯว่า ดูจากนโยบาย 19 ข้อของพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นแผนผลักดันอีอีซี ซึ่งนายกฯเศรษฐา ชี้แจงว่าไม่ได้ทิ้ง ยังให้ความสนใจ เอกชนเราก็แสดงความเป็นห่วงเรื่องภัยแล้ง เชื่อว่าจะมีปัญหาหนักในอีก 2-3 ปีจากนี้ อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งเคาะงบค้างท่อไปเตรียมขุดลอกและจ้างแรงงงานท้องถิ่น จะได้ทั้งเตรียมเก็บน้ำและเงินสะพัดในเศรษฐกิจฐานราก น้ำมีความสำคัญทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม ไปถึงการท่องเที่ยวด้วย เฉพาะในเขตอุตสาหกรรมหรืออีอีซีหากปล่อยให้ขาดน้ำจะเสียหายต่อเศรษฐกิจมาก อีกประเด็นใกล้ตัวคือ ลดค่าครองชีพ เร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ควรหารือ ดึงสหกรณ์ภาคเกษตร รัฐและเอกชนร่วมกัน ช่วยเหลือ เมื่อภาระหนี้เบาลง การลงทุนใหม่ การใช้จ่ายก็จะฟื้นได้รวดเร็ว ” นายสนั่น กล่าว
นาย สนั่น กล่าวว่า ยังได้พูดคุยถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงิน 10,000 บาท หากจะเดินหน้าควรใช้ได้จริงในช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยวและใช้จ่ายของไทยในเดือนเมษายน ให้เร็วกว่าคาดไว้เดือนพฤษภาคมสักหน่อย รวมถึงรัฐบาลต้องลดหรือแก้กฎระเบียบให้เอกชนได้ทำงานได้เร็วขึ้นด้วย
สำหรับภาคเอกชน ก็มีการเตรียมปัญหาและแนวทางที่จะเสนอรัฐบาลใหม่ ผ่านคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.)อยู่แล้ว รอเพียงฟังนโยบายรัฐบาลใหม่ที่จะแถลงต่อสภาฯจากนั้น กกร. ก็จะขอเข้าพบ นายกฯและครม.ใหม่ อย่างเป็นทางการต่อไป
“ผมเชื่อว่า หลังได้รัฐบาล ได้เห็นหน้าตาครม. และรัฐมนตรี โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพรรคเดียวกัน พรรคเพื่อไทยเป็นแกน ไม่ว่าจะกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ซึ่งมีส่วนสำคัฐต่อการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ดูตัวบุคคลแล้วก็รับได้ ส่วนกระทรวงอื่นๆเมื่อมีนายกฯประสานทุกฝ่ายได้ และหากทุกอย่างเดินหน้า การอัดฉีดงบประมาณ อัดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เสริมท่องเที่ยว โรดโชว์ดึงทุนนอก ปัจจัยโลกคลี่คลายลงกว่าปีนี้ มองว่าส่งออกปีหน้าขยายตัวได้ 3% ท่องเที่ยวดีขึ้นไปอีก ปี 2567 ผมเชื่อว่าจะได้เห็นจีดีพีมีโอกาสโตเกิน 5% ” นายสนั่น กล่าว
-------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/VIadezgVSgQ