เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' นั่งหัวโต๊ะคุย 'ทอท. - สายการบิน' รับมือ นทท.ช่วงไฮซีซั่น เพิ่มไฟลท์บินภูเก็ต 20%

โดย nattachat_c

29 ส.ค. 2566

14 views

วานนี้ (28 ส.ค.66) เวลา 15.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมกับผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) พร้อมด้วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน 8 แห่ง โดยหลักๆ จะหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การขนส่งคมนาคมทางอากาศ ที่จะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ไตรมาส 4 (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมาถึง


โดยก่อนเริ่มประชุม นายเศรษฐาได้แนะนำว่าที่รัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมด้วยประกอบด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ว่าที่รองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ // นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา // นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ว่าที่เลขานายกรัฐมนตรี รวมถึงนายสุริยะจึงรุ่งเรืองกิจว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเข้ามาภายหลังจากที่เริ่มประชุมไปแล้ว


โดยนายเศรษฐา ระบุว่า ทันทีที่มีการแต่งตั้งเป็นรัฐบาลถูกต้อง และการถวายสัตย์ฯ เรียบร้อยแล้ว จะดำเนินการทันที รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีความร้อนใจว่าช่วงไตรมาตรที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นช่วงพีคสำหรับการท่องเที่ยว หากได้เรื่มต้นทำงานในตอนนี้ก็จะเป็นการได้เปรียบเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยว ซึ่งหลังจากได้รับฟังความคิดเห็นสมาคมการบิน พรรคเพื่อไทยก็จะแชร์นโยบายของรัฐบาล


ขณะที่นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน ) กล่าวว่าได้นำผู้แทนจาก 8 สายการบิน หรือสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี รวมถึงเชิญ นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูเรื่องสล็อตการบิน มาหารือด้วย และผู้ที่เข้าร่วมหารือในวันนี้ทั้งหมด เป็นผู้กำหนดแนวทางบริหารจัดการการบินของประเทศ ตามโจทย์ที่ได้สะท้อนไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการแคลนเที่ยวบิน สนามบินในกรุงเทพมหานคร และสนามบินภูเก็ต และต้องเตรียมสล็อตรองรับสายการบินจีน และที่อื่นๆ ที่จะเข้ามายัง 6 สนามบิน ที่เป็นสนามบินหลักของประเทศไทย ซึ่งการท่องเที่ยวจะเป็น Quick Win ( แผนปฏิบัติการเร่งรัด) ในส่วนที่จะสร้างรายได้ของประเทศ ซึ่งหลังจากได้รับโจทย์จากนายกรัฐมนตรี ได้ไปหารือกับ 8 สายการบิน ซึ่งวันนี้จะมารายงานให้ทราบในที่ประชุม


ขณะที่นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการบริษัทบางกอกแอร์เวย์ และนายกสมาคมการบินแห่งประเทศไทย แสดงความพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อทำให้เกิดการเดินทางเพื่อตอบสนองการท่องเที่ยว ซึ่งหากสิ่งใดที่รัฐบาลเห็นว่าสมาคมสามารถดำเนินการได้ก็พร้อม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดีมาน-ซัพพลาย และยอมรับว่าประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และชี้ว่าความนิยมที่นักท่องเที่ยวจะกลับมาประเทศไทยมีค่อนข้างสูง หากประเทศไทยมีความพร้อมเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาเมื่อนั้น ซึ่งในภาพรวมต้องดูความพร้อมในด้านอื่นๆด้วย ที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันดูว่าทำอย่างไรจะสร้างดีมานให้เพิ่มขึ้น โดยยืนยันว่าสายการบินมีความพร้อม


ต่อมา ภายหลังการการหารือกันร่วม 1 ชม. นายเศรษฐา กล่าวภายหลังการหารือว่า ปัญหาที่ผู้ประกอบการสะท้อนมายังนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย  เช่น


1.การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้ทันกับฤดูกาลท่องเที่ยว อย่างน้อย 20% // ทั้งนี้ มีรายงานว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้สายการบินเพิ่มเที่ยวบินไปจังหวัดภูเก็ตอีก 20% พร้อมรับนักท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น


2.การเพิ่มศักยภาพเครื่องบินให้ทันกับการปรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น


3.การเพิ่มโอกาสผลักดันนักท่องเที่ยวในตลาดขนาดใหญ่ เช่น จีน อินเดีย ให้มากขึ้น


4.การเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้มีความเหมาะสมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล


ช่วงหนึ่งนายเศรษฐา ได้กล่าวขอบคุณ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการช่วยกันส่งเสริมการทำงานกับรัฐบาลเพื่อไทยในการเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น  ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้เข้าประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น (Quick win) ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการภายในสนามบิน การเพิ่มเที่ยวบิน การเพิ่มหรือขยายรันเวย์ เป็นต้น


นายเศรษฐา ยังกล่าวเพิ่มเติม ว่า ข้อเสนอของสายการบินต่างๆ ถือว่าเป็นความร่วมมือที่ดีในการร่วมกันส่งเสริมและสร้างรายได้เข้าประเทศ  เป็นเรื่องดีที่ทุกสายการบินให้การตอบรับนโยบาย Free visa ในบางประเทศที่มีศักยภาพ เช่น จีน  ซึ่งคาดว่าทุกสายการบิน มีความต้องการขยายจำนวนเที่ยวบินรับนักท่องเที่ยวตอบรับนโยบายแน่นอน ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศ  รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีแผนที่จะไปโปรโมทการท่องเที่ยวไทยในต่างประเทศในปีหน้าในเที่ยวบินที่มีความพร้อม  ซึ่งแต่ละสายการบินมีสัญญาณที่ดีว่าหากรัฐบาลสามารถเพิ่มความต้องการนักท่องเที่ยวไทยได้  สายการบินจะมีการแข่งขันกันโปรโมทการท่องเที่ยวร่วมกัน  ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงตั๋วโดยสารได้ในราคาที่เหมาะสม

-------------

วานนี้ (28 ส.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กหลังการหารือร่วมกับ 8 สายการบิน ระบุว่า จากการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) และสายการบิน ในส่วนของ AOT ก็ได้พูดคุยเรื่องแนวทางการลดคอขวดในฝั่งที่ประเทศไทยเราทำได้ เช่น ความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร (Capacity) ของอาคารสนามบิน (Terminal), การตรวจคนเข้าเมือง, การรองรับเที่ยวบินของรันเวย์ (Runway Capacity) ซึ่งก็แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นในการเตรียมความพร้อมรับการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นแน่นอน


ในส่วนของสายการบินเองก็พร้อมที่จะรับนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่า Free Visa เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา ส่งสัญญาณในที่ประชุมร่วมกับ AOT ว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนไฟลต์ได้อีก 20% เพื่อรับนักท่องเที่ยวทั้งภายในและระหว่างประเทศ


รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีแผนที่จะโปรโมตการท่องเที่ยวต่างประเทศในปีหน้าด้วย พร้อมส่งเสริมผลักดันให้ไทยมีไฟลต์ที่พร้อมและเพียงพอจริง ๆ ซึ่งสายการบินก็ให้สัญญาณที่ดีว่าถ้ามีดีมานด์ สายการบินก็จะแข่งขันกันหาเครื่องบินและอื่น ๆ มาเพิ่มเติม


เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการท่องเที่ยวจะเป็นประตูสร้างรายได้ใหญ่ที่เร็วที่สุดให้ประเทศในช่วงไฮซีซันที่กำลังจะมาถึงครับ

-------------
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเรื่อง ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น กรมราง ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลระบบราง มีความเห็นว่าสามารถดำเนินการได้


เพียงแต่ต้องรอนโยบายต่างๆ ทให้ชัดเจนก่อน  เช่น

  • จะตัดสินใจดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายใด
  • จะดำเนินการเมื่อใด
  • มีระยะเวลาดำเนินการแค่ไหน


เนื่องจากจะต้องมีการพิจารณาในด้านงบประมาณ ที่จะใช้ในการอุดหนุน หรือชดเชยส่วนต่างสำหรับผู้ประกอบการเอกชนด้วย



เบื้องต้น กรณีอุดหนุนเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะมีความพร้อมด้านระบบซอฟต์แวร์ มีเครื่องมือ มีกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ ประเมินว่ารัฐจะอุดหนุนส่วนต่างส่วนเกินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 307 ล้านบาท/ปี และคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยหันมาใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก


ประเมินว่ารัฐจะอุดหนุนส่วนต่างส่วนเกิน จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 307 ล้านบาท/ปี และคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยหันมาใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก

-------------

นายฉัตชัย ศิริใล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ด้เตรียมพร้อมรับนโยบาย พักหนิเกษตรกร 3 ปี' ของรัฐบาลใหม่ โดยได้เตรียมข้อมูลพักหนี้เกษตรกร ทั้งจำนวนเกษตรกร , ข้อมูลหนี้ แยกตามประเภทเกษตรกรรม รวมถึงแยกตามอายุของเกษตรกร ซึ่งตอนนี้ รอเพียงรายละเอียดว่า รัฐบาลใหม่ต้องการให้พักหนี้เกษตรกรอย่างไร

------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/v-mCfnnH6SI





คุณอาจสนใจ

Related News