เลือกตั้งและการเมือง
“ชูวิทย์” ฟ้องกลับ “เศรษฐา-ทนายความ” เรียกค่าเสียหาย 9 หมื่นบาท เชื่อหาก “เศรษฐา” โหวตนั่งนายกฯ อยู่ไม่ถึง 3 เดือน
โดย paranee_s
16 ส.ค. 2566
221 views
จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดปฏิบัติการแฉเพื่อชาติ ซึ่ง Ep.1 ใช้ชื่อว่า “12 วัน 12 คน” โดยกล่าวอ้างว่านายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย สมัยที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมเลี่ยงภาษีที่ดิน ทำรัฐเสียหายกว่า 521 ล้านบาท
จากนั้นฝั่งนายเศรษฐา โต้กลับ นายชูวิทย์ ด้วยการส่งทนายความฟ้องเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่นายชูวิทย์พูดไม่เป็นความจริง และแสนสิริ ขับเคลื่อนภายใต้หลักธรรมมาธิบาล ทำทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ
ขณะเดียวกันวานนี้ (15 ส.ค.66) นายชูวิทย์แฉต่อ Ep.2 “ปั่น บวม ตัดตอน” โดยกล่าวอ้างว่านายเศรษฐา ตั้งบริษัทนอมินี ซื้อที่ดินย่านทองหล่อ ปั่นราคาสูงถึง 1 พันล้านบาท โดยมีคนถือหุ้นนอมินีเป็น “แม่บ้าน-รปภ.”
ล่าสุดวันนี้ (16 ส.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์พร้อมด้วยทนายความ เดินทางมาที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้องนายเศรษฐา และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ใน 3 ข้อหา คือ ฟ้องเท็จ, หมิ่นประมาท และละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเรียกค่าเสียหาย 90,000 บาท ในกรณีที่นายเศรษฐา ส่งนายวิญญัติ มายื่นฟ้องตนเองที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า การที่ตนมายื่นฟ้องนายเศรษฐา และนายวิญญัติ เพื่อให้ความจริงปรากฏต่อหน้าศาล เมื่อฟ้องมา ตนก็จะฟ้องกลับ เพราะเมื่อนายเศรษฐาลงชื่อจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ และในฐานะตนเองเป็นประชาชนก็มีสิทธิ์ และสามารถตรวจสอบได้ทุกประการ ทั้งเรื่อง ที่ดินสารสิน 12 คน โอน 12 วัน รวมทั้งที่ดินที่ทองหล่อซอย 12 ล่าสุดที่แฉไป และอย่าคิดว่าตนจะกลัว
ส่วนเงินที่ตนเรียกไป จำนวนเพียง 90,000 บาท นั้นมาจากจำนวนเงินวันละ 10,000 บาท นับตั้งแต่ที่ นายวิญญัติ มายื่นฟ้องตนเมื่อวันที่ 7-15 ส.ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้อยากได้เงินแต่ต้องการเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่ทางฝั่งนายเศรษฐา กลับเรียกเงินจากตนเอง จำนวนถึง 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังมั่นใจว่าการยื่นฟ้องในครั้งนี้ศาลจะรับคำฟ้องแน่นอนเพราะหลักฐานที่มี มันชัดเจน อีกทั้งที่ผ่านมาตนเองเคยฟ้อง ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ และนายสันธนะ ประยูรรัตน์ มาแล้ว ซึ่งศาลท่านก็รับฟ้องทั้งหมด
จากนั้นนายชูวิทย์ บอกว่า ตัวเองขำ ขำเพราะว่าเมื่อวานนี้มีการแฉ EP.2 ซึ่งเป็นการขุดหลุมพรางไว้ ซึ่งบริษัทแสนสิริก็ตกหลุมพรางในทันที โดยการแถลงข่าวตอบโต้ บอกว่าไม่รู้เรื่อง และหากจำได้ตนแฉเอกสารที่เป็นสัญญาจำนองที่ดิน พร้อมตั้งคำถามว่า หากบริษัทจะซื้อที่ก็ซื้อไปเลยทำไมต้องทำสัญญาจำนอง พร้อมถามว่าคนที่ไปซื้อคิดได้ยังไง จะซื้อที่แต่ไปทำสัญญาจำนองก่อน แล้วค่อยครอบสัญญาจำนองโดยสัญญาจะซื้อจะขาย
จากนั้นนายชูวิทย์ได้โชว์สัญญาจำนอง บ.อักษรย่อ N และบริษัท อักษรย่อ อ. ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนิริ หุ้น 99.99% พร้อมจำนวนเงิน 1 พันล้าน พร้อมถามย้ำว่าทำไมถึงทำสัญญาจำนองก่อนค่อยทำสัญญาซื้อขายในเวลาต่อมา นั่นเพราะว่า คุณจ่ายเงิน 1 พันล้านบาทให้กับนอมินี และเอา 1 พันล้านที่ บวมค่าที่หายไป แล้วค่อยไปซื้อ ซึ่งตนมองว่าตรงนี้มันแปลกและอยากรู้ว่าทำแบบนี้ไปทำไม พร้อมถามอีกว่าแล้วเงินทอน 435 ล้านบาทไปไหน
นายชูวิทย์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า เจ้าของลายเซ็นในสัญญาจำนองนาย ส. (สมศักดิ์) ที่เป็น รปภ.เป็นคนเซ็น ซึ่งมีหุ้น 1 หุ้น ต่อมานาย ส.ขายทิ้ง ก่อนที่จะเอานาย ย. มาแทน ก่อนที่จะปล่อยบริษัททิ้งร้างโดยไม่ส่งงบต่อกัน 5 ปี
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า นายเศรษฐา จะขึ้นเป็นนายกฯการกระทำพฤติการณ์ซ่อนเร้นแบบนี้ พ่อค้าอย่างตนรู้เช่นเห็นชาติดี ซึ่งกล้ามาฟ้องตน ตนก็กล้าฟ้องกลับ แลกกันหมัดต่อหมัดที่ศาล ยืนยันมีพยานหลักฐานครบถ้วน พร้อมกันนี้ยังคงยืนยันว่าเรื่องนี้พูดเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน
อีกอย่างการเป็นบริษัทมหาชนต้องมีธรรมาภิบาลโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่คุณกลับให้แม่บ้านและรปภ. มากู้ แล้วเหตุใดตอนชี้แจงทำไมไม่ชี้แจงประเด็นนี้ ซึ่งเจ้าของเก่าคือหมอ น. ซึ่งอยู่ รพ.เอกชนชื่อดัง ให้ไปถามหรือว่าเจ้าของดั้งเดิมคนนี้คุยกับใครในการขาย แม่บ้านหรือ รปภ.เหรอ
จากนั้นนายชูวิทย์ ยกบอร์ดขึ้นมาให้ไปตามหาบุคคลคนหนึ่ง นาง ว. (วิไล) ที่ถือหุ้น 33.33% ของ บริษัทรักษาความปลอดภัย อักษรย่อ ม.พ.ก. ว่าคน ๆ นี้เป็นพี่สาวของใคร
เมื่อถามถึง รปภ. คือ นาย ส. หากไปสืบค้นดู เคยเป็นกรรมการบริษัทรับเหมาก่อสร้างหลายแห่ง แสดงว่ามีกระบวนการแบบนี้ในภาคธุรกิจใช่หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า มีมากกว่านั้น ซึ่งนาย ส. มีชื่อเป็นกรรมการอีก 4 บริษัท ล้วนเกี่ยวกับ บริษัทแสนสิริทั้งสิ้น ให้ไปขุดดูเลย ร่องรอยเห็นหมดโดยเฉพาะร่องรอยทางบัญชี เห็นหมดโกหกกันไม่ได้
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า นายชูวิทย์ บิดเบือนข้อมูล นายชูวิทย์ ได้ถามกลับไปว่าตนเองบิดเบือนตรงไหน และถามกลับว่าที่ปล่อยเงินกู้ 1 พันล้านบาท ให้แม่บ้านและรปภ. ไม่เคยเจอตัวกันเลยหรือ ไม่เคยอยากรู้เหรอว่าเขาทำอาชีพอะไรทำงานอะไรที่ไหนถึงปล่อยเงินกู้ไปตั้ง 1 พันล้านบาท
พร้อมกันนี้ น.ส.พินิช อายุ 38 ปี แม่บ้านที่อยู่ที่ จ.มหาสารคาม ที่นายชูวิทย์ กล่าวอ้าง ได้ไปมาแจ้งความ ที่ สภ.เชียงยืน พร้อมยืนยันว่าตัวเองไม่ทราบเกี่ยวกับการกู้เงิน 1 พันล้าน และไม่เคยกู้จากบริษัทแสนสิริ เพื่อนำไปซื้อที่ย่านทองหล่อ
ประเด็นนี้นายชูวิทย์ บอกว่า แม่บ้านบอกไม่รู้เรื่อง เอาแล้วไง คุณจ่ายเงิน 1 พันล้านบาท แต่แม่บ้านรายนี้กลับไม่รู้เรื่อง
นายชูวิทย์ ยังฝากไปถึงแม่บ้านอีกด้วย โดยเชื่อว่าจะต้องมีการได้ส่วนแบ่งไม่มากก็น้อยแต่อาจจะได้ไม่เยอะ และ บอกอีกว่า แม่บ้านจะต้องเลือกว่าจะเป็นพยานหรือเป็นผู้ต้องหา แต่กรณีนี้เพราะเชื่อว่าแม่บ้านดังกล่าวมีคนไปบอกให้เงียบ และบอกไปว่าไม่เกี่ยวข้อง ถ้าเป็นอย่างงั้นจะถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จ และยังบอกอีกว่า พฤติกรรมของเศรษฐาที่ปล่อยกู้ให้กับแม่บ้านและรปภ. ถึง 1 พันล้าน ยังไม่เป็นที่กับที่น่าสงสัยอีกหรือ
เมื่อถามว่าการโหวตนายกฯจะราบรื่นหรือไม่ เนื่องจากว่าพรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันว่าจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ชิงตำแหน่งนายกฯ นายชูวิทย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยถามคุณทักษิณแล้วหรือยัง เพราะเมื่อเช้ามีคนรายงานไปให้คุณทักษิณทราบแล้วว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้ “ท่านๆๆ เป็นเหมือนท่านเด๊ะเลย ตอนท่านนั้นซุกหุ้นให้กับคนขับรถและแม่บ้าน ส่วนกรณีนี้ก็ ให้มัดจำซื้อขายมูลค่า 1,000 ล้านบาทกับแม่บ้านและรปภ. จะทำยังไงดี”
และนายชูวิทย์ ยังเชื่อว่า แม้ว่าจะมีการโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีแต่ก็จะอยู่ไม่ถึง 3 เดือน เพราะจากหลักฐานที่ผมมาเปิดโปงนั้น แสดงให้เห็นพฤติกรรมของนายเศรษฐา
ส่วนถ้าเปลี่ยนการเสนอชื่อเป็นอีก 2 คนที่เหลือ ยืนยันว่าตนไม่มีข้อมูลของทั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง และ อ.ชัยเกษม นิติสิริ
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (17 ส.ค.) เวลา 10.00 โมง นายชูวิทย์ จะเดินทางไป พบกับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำข้อมูลหลักฐานไปให้และต้องการให้บิ๊กโจ๊ก เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งตัวละครที่เป็นแม่บ้าน เป็น รปภ. เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และนอมีนีทุกคน มาสอบปากคำ เพื่อให้ความจริงกระจ่าง เพราะถือว่าพฤติกรรมของนายเศรษฐาเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบนึง และเชื่อว่าพฤติกรรมร้ายกาจแบบนี้ถ้าไม่ใช่ผมก็คงไม่มีใครกล้าออกมาแฉ และจากนั้นก็จะเดินทางไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้สอบสวน บริษัท แสนสิริ ว่ามีการทำสัญญาซื้อขาย กู้ รวมถึงรายรับรายจ่ายทั้งหมดของบริษัท เพราะก็ถือว่า ตนเอง ก็เป็น 1 ในผู้เสียหาย เนื่องจากตนเองก็ถือหุ้นแสนสิริ เช่นกัน จำนวน 20,000 หุ้น ซึ่งตนเองก็ถือหุ้นมานานแล้วเพราะหุ้นแสนสิริก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
พร้อมกันนี้นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า ยังไม่จบแค่นี้ เพราะ EP.หน้า ตนจะแฉต่อซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ดินที่ตั้งที่อยู่ภายในซอยสุขุมวิท 12 (ศิวะแลนด์)
ขณะเดียวกันหลังจากที่ยื่นฟ้องที่ศาลอาญาเสร็จ นายชูวิทย์ ยังเดินทางมาที่สภาทนายความฯ เพื่อยื่นสอบมรรยาททนายความของนายวิญญัติ ในกรณีที่เปิดเผย พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคลที่ ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายซึ่งตนมองว่า นายวิญญัติ อาจจะเล่นการเมืองเกินไปจนไม่รู้ข้อกฎหมาย
พร้อมระบุอีกว่า หากจะเล่นการเมืองก็เล่นไป การมีอาชีพเป็นนักการเมืองถือเป็นอาสาสมัครจะทำงานเพื่อประเทศชาติไม่มีใครว่า แต่เมื่อเป็นนักการเมืองด้วยและเป็นทนายความจะต้อง ว่าการเป็นยังไงความจะต้องถูกกำกับด้วยมรรยาททนายความ จะไปพูดจาเลอะเทอะก้าวล่วงผู้อื่นไม่ได้ และถามไปถึงนายวิญญัติ ว่าไม่รู้กฎหมายเลยเหรอว่ามี พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
แท็กที่เกี่ยวข้อง