เสียงสะท้อนจากชาวโคราช ประชาชนเชื่อไม่มีอะไรเปลี่ยน หลัง "เพื่อไทย" ข้ามขั้วจับมือตั้งรัฐบาล

เสียงสะท้อนชาวโคราช ประชาชนเชื่อไม่มีอะไรเปลี่ยน หลัง "เพื่อไทย" ข้ามขั้วจับมือตั้งรัฐบาล คาดหวังนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ




หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทย สามารถรวบรวมเสียงจากพรรคการเมืองต่างๆ ได้มากถึง 315 เสียงแล้ว เพื่อให้มาช่วยโหวต นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเสียงจากพรรคการเมืองขั้วอำนาจเก่า เช่น พรรคพลังประชารัฐ, พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าพรรคดังกล่าวนี้จะได้เข้ามาร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ด้วยนั้น




วันนี้ (12 สิงหาคม 2566) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของประชาชนหลากหลายอาชีพ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ต่อความคาดหวังกับรัฐบาลชุดใหม่นี้




นายเทวฤทธิ์ อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้างถ่ายรูปนักท่องเที่ยว ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือลานย่าโม ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา กล่าวว่า การเมืองทุกวันนี้ยังไว้ใจอะไรไม่ได้ สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เผลอๆ ก็อาจจะจัดตั้งไม่ได้ เหมือนคราวที่แล้ว ที่จะโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแค่ 1 วันก่อนโหวต เกมก็พลิกกันได้ ดังนั้นครั้งนี้ก็ยังเชื่ออะไรไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะโหวตผ่านไปแล้วถึงจะเชื่อได้ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท




ตนเองก็ยังมองว่าไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้ เพราะมีการจำกัดให้อยู่เฉพาะในพื้นที่ตามบัตรประชาชนไม่เกิน 4 กิโลเมตร ซึ่งคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ส่วนใหญ่ก็เดินทางไปไกลเกินกว่า 4 กิโลเมตรแล้ว เขาก็จะใช้เงินในกระเป๋าส่วนตัวทั้งนั้น และอีกอย่างคนทุกวันนี้ที่ทำงานอยู่ในบ้านเกิดก็มีน้อยมาก ถ้าจะใช้เงินก็ต้องรอจนกว่าจะกลับบ้านเกิดถึงจะได้ใช้ ดังนั้นจึงไม่ควรจำกัดให้อยู่เฉพาะในพื้นที่ ควรให้สามารถใช้ได้ทั่วประเทศ หรือจะให้ดีสู้นำเงินเหล่านี้ไปทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น คนจะได้มีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น จะมีความยั่งยืนกว่า




นายสำรวย แซ่หั่น เจ้าของร้านครัวนกน้อย ซึ่งเป็นร้านข้าวแกง ตั้งอยู่ที่ถนนบัวรอง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า จากข่าวที่ออกมาว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมจับมือกับพรรค 2 ลุง คือพรรคพลังประชารัฐ ของลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรครวมไทยสร้างชาติ ของลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จนทำให้มีเสียงสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลมากถึง 315 เสียงนั้น ตนเองมั่นใจว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน 100% แต่การจับมือข้ามขั้วเช่นนี้ตนเองไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะหน้าตาของรัฐบาลก็ออกมาแทบจะเหมือนเดิม เป็นเหมือนรัฐบาลย้อนหลังไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จึงคาดหวังความเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย





ส่วนเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยนั้น ถ้าจะโอนให้ประชาชนตามที่ได้หาเสียงไว้ ก็ควรที่จะมีการทำให้กระจายไปสู่ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย หรือระดับรากหญ้าให้มากที่สุด เพราะที่ผ่านมานโยบายแจกเงินส่วนใหญ่จะไหลไปสู่กลุ่มธุรกิจรายใหญ่หมด ร้านขายข้าวแกงแบบร้านของตนแทบจะไม่ได้อะไรเลย





ดังนั้นครั้งนี้ควรที่จะมีการกำหนดไม่ให้ใช้กับกลุ่มธุรกิจที่เป็นรูปแบบบริษัท ห้างร้านรายใหญ่ ถ้ามีการลงทะเบียนร้านเล็กๆ ที่อยู่ตามชุมชนต่างๆ หรือแผงลอย หาบเร่ จะดีมาก และขอฝากถึงว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ว่า ขอให้ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ด้วย โดยเฉพาะนโยบายที่จะมาช่วยทำให้ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ถูกลง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์มาก อย่าอ้างว่าทำไม่ได้ เพราะเพียงแค่นายกรัฐมนตรีสั่งมาเท่านั้น สามารถทำได้แน่นอน