“สว.เนาวรัตน์” ไม่เข้าใจทำไมม็อบทะลุวังบุกไป ก.วัฒนธรรม ย้ำก็ไม่เห็นด้วย สว.เลือกนายกฯอยู่แล้ว

จากกรณีที่ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ.2536 และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่ายกลอนปิดสวิตช์สว. กลุ่มทะลุวังบุกไปที่กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเรียกร้องให้ถอดถอนออกจากศิลปินแห่งชาติ


วันนี้ (6 ส.ค.2566) นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึง ว่า ตนก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกันตรงไหน ระหว่างเรื่องศิลปินแห่งชาติกับการเขียนกลอนเกี่ยวกับความเห็นของเสียงประชาชน


“ก็ผมเคารพ ถึงได้เขียนกลอนแบบนั้น ผมก็ไม่เห็นด้วยกับบทเฉพาะกาลนั่นแล้ว แล้วมันยังไง” นายเนาวรัตน์ กล่าว


เมื่อถามว่าการเขียนก่อนอาจจะไปกระตุ้นกลุ่มทะลุวังให้ไปหน้ากระทรวงวัฒนธรรมด้วยหรือไม่ นายเนาวรัตน์ กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าเหตุผลของพวกเขาคืออะไร ตนก็แสดงความเห็นบริสุทธิ์ว่า ไม่ควรมีรัฐธรรมนูญบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ให้อำนาจ สว. เลือกนายกรัฐมนตรี แต่มีหน้าที่จำเป็นที่ สว.ต้องทำคือต้องเห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ แต่คุณสมบัติคนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เป็นหลักการอันสำคัญ


เมื่อคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ผมจึงใช้สิทธิงดออกเสียงไง เพื่อแสดงให้เห็นว่า สว.ไม่ควรโหวตนายกฯ กับสอง ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องคุณสมบัติ ถ้าจำเป็นต้องเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 จึงเป็นหน้าที่อันจำเป็นต้องทำ ก็ต้องมาดูเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งคุณสมบัติก็ไม่มีความชัดเจนพอที่จะทำให้เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ผมก็ใช้สิทธิคืองดออกเสียงเท่านั้นเอง


นายเนาวรัตน์ กล่าวต่อว่า วันที่ประชุมอภิปรายมาตรา 272 ตนก็ไป พร้อมที่จะฟังความคิดเห็นและลงมติ สุดท้ายก็เลื่อนไป ทั้งนี้ ต้องไปดูอีกรอบว่าจะมีการอภิปรายเมื่อไหร่ และจะมีเหตุผลอะไรบ้าง


เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องไปถึงถอดถอนตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ ถือว่าแรงไปหรือไม่ นายเนาวรัตน์ กล่าวว่า นั่นสิ มันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะ สว. ไม่ได้มีหน้าที่เรื่องเดียว แต่ยังมีอีกเยอะแยะเลย ไม่เช่นนั้นจะมีสภาสูงไว้ทำไม


เมื่อถามว่ามีอะไรจะฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย นายเนาวรัตน์ กล่าวว่า “ก็ควรจะเคารพต่อหน้าที่ซึ่งกันและกันดีกว่า ที่ผมเคารพเสียงส่วนใหญ่ไง แต่คุณไม่เคารพหน้าที่ที่จะกลั่นกรองคุณสมบัติผู้ที่จะเสนอมาเป็นนายกรัฐมนตรีของเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งยังไม่ชัดเจนพอ มันถึงยังตะกุกตะกัก รุงรังอยู่อย่างนี้ไง ถ้าชัดเจนโปร่งใสก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่มีปัญหาเพราะคุณสมบัติไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง”