เลือกตั้งและการเมือง

สภาชงญัตติด่วน โกดังพลุระเบิด สส.ก้าวไกล หลั่งน้ำตา แฉพลุข้ามชาติ-จ่ายส่วย ‘วิโรจน์’ จวกอย่าอ้าง "ไม่รู้ ไม่รู้"

โดย petchpawee_k

4 ส.ค. 2566

120 views

สภาชงญัตติด่วน โกดังพลุระเบิด สส.ก้าวไกล หลั่งน้ำตา แฉพลุข้ามชาติ จ่ายส่วย 20 หน่วยงานรัฐ ‘วิโรจน์’ จวกแรง “อย่าบอก ไม่รู้ ไม่รู้”  ข้องใจหรือเห็นเป็นสปอนเซอร์ ? 


วานนี้ (วันที่ 3 ส.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน เรื่องการศึกษาเยียวยา ให้ความช่วยเหลือเหตุการณ์โกดังเก็บพลุระเบิดที่ตลาดบ้านมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา รวม 8 ญัตติ


นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปราย โดยช่วงที่กล่าวถึงการเสียชีวิตของ ด.ญ.อมีลีน วัย 8 เดือน นายรอมฎอนมีอาการคล้ายร้องไห้


นายรอมฎอน อภิปรายว่า เหตุการณ์พลุระเบิดที่ตลาดมูโนะ ตนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปพบว่าเป็น พลุข้ามชาติ มีการนำจากเมืองจีน ผ่านหลายด่านตรวจมาก ผ่านแหลมฉลัง แล้วเข้าสู่ชายแดนมาเลยเซีย ก่อนจะข้ามแม่น้ำโก-ลก เข้าสู่ จ.นราธิวาส คำถามคือตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่รู้การขนย้ายวัตถุระเบิดเข้ามาในโกดังได้อย่างไร ตลาดมูโนะเป็นตลาดชายแดนมีสินค้าทั้งแบบสีเทาขาว สีเทาดำ เข้ามารวมอยู่ที่นี่ ตัวโกดังพลุเป็นระเบิดเวลาในพื้นที่ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้ได้อย่างไร ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เข้ามาตรวจสอบการลักลอบนำเข้าวัตถุระเบิด แต่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง การดำเนินกิจการผลิตพลุในพื้นที่ดังกล่าวจึงเกิดขึ้นมาตลอด


นายรอมฎอน กล่าวว่า ในพื้นที่ต้องยอมรับว่ามีส่วย หรือภาษาที่คนในพื้นที่เรียกว่า “ดูวิรายกัง” เป็นเงินรายการที่ลิสต์มาว่าจะต้องจ่ายใครบ้าง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องชี้แจง เพราะจากข้อมูลพบว่ามีเงินสินบนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานในพื้นที่ถึง 20 หน่วย ทั้งระดับพื้นที่ อำเภอ จังหวัด ภาค รวมถึงส่วนกลาง ไปจนถึงส่วยนักการเมืองด้วย ซึ่งผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่างอึดอัดจากผลกระทบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกซุกอยู่ใต้พรมของธุรกิจสีเทา


ด้าน นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับฯ ข้อ 54 (1) เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า


ตนอยู่ในพื้นที่มา 4 วัน 4 คืน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีบ้านเรือนเสียหาย จำนวน 681 หลังคาเรือน ผู้เสียชีวิตจำนวน 10+2 สาเหตุที่ต้อง +2 เพราะยังพิสูจน์อัตลักษณ์ไม่ได้ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 290 ราย บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย 100 เต็มๆ ไม่เหลือซากอะไรเลยจำนวน 59 หลังคาเรือน จำนวนรถยนต์ 69 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 107 คัน และทรัพย์สินอย่างอื่น ประเมินค่าได้อีกนับไม่ถ้วน สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวมูโนะ



นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า  "ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก สิ่งที่เจ้าหน้าที่และภาครัฐต้องรับผิดชอบ ต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ของการจัดการเก็บพลุดอกไม้ไฟ ต่างๆตามกฏหมาย ถ้าโรงงานหรือโกดัง มีรั้วล้อมรอบตัว อาคารต้องอยู่ห่างจากรั้วไม่ต่ำกว่า 20 เมตร สำหรับโรงงานหรือโกดัง ที่ไม่มีรั้วล้อมรอบ ต้องอยู่ห่างจากชุมชน 35 ถึง 55 เมตร แต่โกดังดังกล่าวกลับมี บ้านเรือนล้อมรอบในระยะไม่เกิน 3 เมตร นี่คือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของเจ้าของโกดัง ท่านต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ประเมินค่าไม่ได้นี้


เราต้องมองตั้งแต่เรื่องการขนส่งมาถึงมูโนะ ได้อย่างไรกัน สถานที่เกิดเหตุห่างจากสถานีตำรวจเพียง 100 เมตร ห่างจากโรงเรียนเพียง 700 เมตร ห่างจากที่ทำการ อบต.เพียง 500 เมตร สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความบกพร่องในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่ว่า จากหน่วยงานใดก็ตาม ต้องมีการเร่งรัด การสอบสวนอย่างเร่งด่วน หากสืบทราบแล้วว่า ผู้ที่มีส่วนรู้เห็น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชน เจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลใดก็ตาม หรือแม้แต่ตัวผมเอง ไม่ว่าจะเป็นการรับสินบนหรือ ส่วย จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างถึงที่สุด"


ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลุกขึ้นอภิปรายว่า จากการประเมินหลุมระเบิดพบว่ามาจาก “ดินดำ” ที่เป็นส่วนผสมของพลุที่เก็บในโกดังไม่ใช่น้อยๆ น่าจะมากถึง 2-3 คันรถสิบล้อ น้ำหนักรวมกันอาจมากถึง 5 ตัน รัศมีทำลายล้างเกือบ 2 กิโลเมตร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อยู่ในพื้นที่กฎอัยการศึก เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองจะไม่รู้เลยว่ามีโกดังเก็บพลุในปริมาณมหาศาลอยู่ใจกลางชุมชน อ้างว่าไม่รู้แบบท่านรองนายกฯที่รักษาการอยู่คงไม่ได้


นายวิโรจน์กล่าวว่า คงต้องพาย้อนกลับไปดูข่าววันที่ 27 มิถุนายน 2559 ตอนนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้กฎอัยการศึกตรวจโกดัง 5 แห่ง ยึดดอกไม้เพลิง พลุ ได้ 60 ตัน โดย 30 ตันยึดได้จากโกดัง 2 ห้องที่มูโนะ เจ้าของโกดังก็เป็นคนเดียวกันกับเจ้าของโกดังที่ระเบิดวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะอ้างว่าไม่รู้ก็คงฟังไม่ขึ้น เมื่อวันที่ 24 ก.ค. เพื่อนสมาชิกก็พูดถึงโรงงานผลิตพลุที่ดอยสะเก็ดเพิ่งระเบิด กระทรวงมหาดไทย (มท.) เร่งทำหนังสือถึงผู้ว่าฯทั่วประเทศ ลงวันที่ 26 ก.ค. กำชับให้ตรวจสอบโรงงาน โกดังผลิตพลุ ดอกไม้เพลิงต่างๆ แต่เกิดเหตุที่มูโนะวันที่ 29 ก.ค.อีก คงมีข้อสงสัยใช่หรือไม่ว่าทำไมมีหนังสือจาก มท.กำชับแล้วถึงตรวจสอบโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ


นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ยังไม่พอ วันที่ 30 ก.ค. อธิบดีกรมการปกครองก็มีหนังสือถึงนายอำเภอ 878 ทั่วประเทศ เร่งตรวจสอบโกดังเก็บพลุอีก ยืนยันกับท่านประธานว่าต่อให้ทำหนังสืออีกกี่ฉบับก็หาโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ เพราะโกดังแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตเก็บดอกไม้เพลิง ต้องถามต่อว่าทำไมโกดังผีแห่งนี้ไม่ยอมขออนุญาต ก็เพราะถ้าขอก็ออกใบอนุญาตไม่ได้ เพราะตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ.2547 อาคารที่ผลิตดอกไม้เพลิงต้องไม่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน กำหนดระยะห่างจากแนวรั้วอย่างน้อย 20 เมตร แต่โกดังแห่งนี้สวนทางทุกอย่างของประกาศ ไม่มีมาตรการความปลอดภัยใดๆ แถมเจ้าของก็เคยถูกจับมาแล้วปี 2559


นายวิโรจน์อภิปรายต่อว่า ถามต่อว่าถ้าไม่ขอใบอนุญาต แล้วเจ้าของไม่กลัวเกรงกฎหมายหรือ เขาจะกลัวทำไม? เพราะมาตรา 77 ของ พ.ร.บ.อาวุธปืน บอกว่าถ้าไม่ขออนุญาต มีโทษจำคุกแค่ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พัน โดยปี 2559 เจ้าของโกดังเงินบาทเดียวก็ไม่ได้ปรับ คุกสักวันหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ จับกุมเป็นข่าวใหญ่โต แต่สุดท้ายมีอภินิหารอะไรก็ไม่ทราบ เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำไม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทำงานหละหลวมขนาดนี้ ตำรวจเกิดอะไรเกิดขึ้นถึงกับอัยการสั่งไม่ฟ้อง


“กรณีโกดังพลุระเบิดฝากท่านประธานไปถึงนายกฯว่าถ้าจะตัดตอนแค่เจ้าของโกดัง คิดว่าประชาชนยอมรับไม่ได้ ต้องสอบสวนประเด็นส่วยและเรียกรับผลประโยชน์ด้วย เพราะคนในพื้นที่รู้ว่า จ่า ฟ. มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองในพื้นที่ เป็นคนคอยเก็บส่วยส่งนาย ตอนนี้ได้ข่าวว่าย้ายไปแล้ว คนก็กังวลว่าย้ายเป็นพิธี เดี๋ยวก็ย้ายกลับมา เหมือนกับการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกพิธา สุดท้ายได้เป็นพิธี ผมก็อยากรู้ว่าตกลงแล้วจ่า ฟ. กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ใครจะใหญ่กว่ากัน ไม่ใช่ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เกษียณ จ่า ฟ.ก็กลับมา ประชาชนตั้งคำถามว่ารัฐบาลปล่อยให้ตำรวจแบบนี้ไปรีดไถคนนราธิวาสได้ยังไง” นายวิโรจน์ กล่าว


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/kU6MPopoTg0

คุณอาจสนใจ

Related News