เลือกตั้งและการเมือง
เริ่มแล้ว Ep.1! 'ชูวิทย์' งัดเอกสารแฉ 'เศรษฐา' ร่วมเลี่ยงภาษีที่ดิน 12 วัน 12 คน ทำรัฐเสียหายกว่า 521 ล้าน
โดย thichaphat_d
4 ส.ค. 2566
473 views
ชูวิทย์ งัดเอกสารแฉ เศรษฐา ร่วมเลี่ยงภาษีที่ดิน ทำรัฐเสียหายกว่า 521 ล้านบาท ลั่นพฤติการณ์ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯที่ดี – ตั้งคำถามหากได้ตำแหน่ง แน่ใจหรือจะช่วยนายทุน เลี่ยงภาษี - มองแคนดิเดตเพื่อไทยขณะนี้ ชัยเกษม เหมาะสมที่สุด พร้อมเชื่อหากอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ต้องลูกทำอย่างเพื่อให้พ่อกลับบ้าน
วานนี้ (3 ส.ค.66) ที่เดอะล็อบบี้ โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักเคลื่อนไหวเปิดแถลง “แฉเพื่อชาติ” ซึ่งจะมีทั้งหมด 10 Ep. โดยวันนี้ Ep.1 ใช้ชื่อว่า “12 วัน 12 คน” ซึ่งเป็นการแฉและอภิปรายถึงคุณสมบัติว่าที่นายกฯคนใหม่ ซึ่งนายชูวิทย์ ได้นำแสตนนี้ชายตัวสูง มาโชว์พร้อมเขียนข้อความตั้งคำถามว่า “นายกฯ คนใหม่ของประเทศไทย “มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์หรือไม่?”
จากนั้น นายชูวิทย์ เริ่มแฉ โดยในครั้งนี้นายชูวิทย์ได้ยกประเด็นเรื่องที่ดินถนนสารสินมาอธิบาย พร้อมแสดงหลักฐานเป็นโฉนด การโอนจ่าย ธุรกรรมการจำนองที่ดิน และ แผนผังของเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาแสดง พร้อมอธิบายว่า ที่ดินถนนสารสิน เดิมเป็นของนายพจน์ สารสิน มีการโอนให้กับทายาท ต่อมามีการขายตกถึงท่านผู้หญิงนงเยาว์ จำนวนเนื้อที่หนึ่งไร่หรือ 399.7 ตารางวา ท่านผู้หญิงนงเยาว์ ขายให้กับนางประไพ เมื่อปี 2507 และโอนมายังบริษัทประไพทรัพย์ จำกัด ถือครองตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2526 ต้นทุน 7 ล้านบาทต่อมา บริษัทประไพทรัพย์ จดทะเบียนเลิกบริษัท เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยมีการแบ่งที่ดินผืนดังกล่าวตามส่วนผู้ถือหุ้น 12 คน
ต่อมานายชูวิทย์ ระบุว่า บุคคลทั้ง 12 ได้มีการโอนขายหุ้นให้บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ลักษณะแบ่งโอนแยกรายบุคคล ทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ซึ่งมองว่าเพื่อเป็นการเลี่ยงภาษี
ก่อนจะอธิบายว่า การทำนิติกรรมที่เกิดขึ้นถือเป็นนิติกรรมอำพราง คือ การโอนพร้อมกัน 12 คน 1 วัน จะถือว่าเป็นโอนในฐานะคณะบุคคล หรือ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งมีภาษีโอนที่ดินที่ต้องจ่าย คือ ภาษีกรมที่ดิน 59,247,317 ล้านบาท และ ภาษีสรรพากร ภงด.90 อัตราก้าวหน้า 35% มูลค่า 521,130,789.05 ล้านบาท แต่กลับกันหากโอนที่ดิน 12 คน 12 วันจะเสียภาษีกรมที่ดิน อยู่ที่ 59,247,317 ล้านบาทเท่านั้น ฉะนั้นแล้วกรณีนี้ทำให้รัฐเสียภาษี 521,130,789.05 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ที่ถือครองหุ้น ITV จำนวน 42,000 หุ้นของ กรณีนี้ไม่ได้ทำให้รัฐเสียหายแม้แต่บาทเดียว นายพิธาจึงถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นนายกฯ
นายชูวิทย์ยังอ้างว่า พฤติการณ์ของนายเศรษฐา ถือว่าร่วมกันกระทำความผิดโดยการหลีกเลี่ยงภาษีให้ผู้ขาย ซึ่งเรื่องนี้คนขายที่ดินทำคนเดียวไม่ได้ เหมือนการตบมือข้างเดียวไม่ดัง เรื่องนี้ต้องมีคนซื้อ ที่มีความรู้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาช่วยสนับสนุนความผิด
ทั้งนี้ 12 คน ถ้าโอน 12 วัน ก็จะไม่ต้องเสียภาษีตรงนี้ นายเศรษฐา รู้หรือไม่รู้ แต่ในสถานะคือนายทุน ในวันที่นายเศรษฐาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ บมจ.แสนสิริ แล้วบอกว่าไม่รู้ ตัวนายชูวิทย์นี่แหละ จึงนำเอกสารรายการประชุมออกมาแสดงซึ่งระบุว่าในวันที่ 14 สิงหาคม 62 นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ มีลายเซ็นรับรองสำเนารายงานการประชุมถูกต้อง โดยทำรายงานการประชุมวันเดียว ฉบับเดียว แบ่งเป็น 12 วัน 12 คน
ส่วนตัวมองว่า พฤติการณ์ของนายเศรษฐา จึงแสดงให้เห็นว่ามีการร่วมมือกันกับคนขาย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญ ไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคลตามคำวินิจฉัยของสรรพากร
จากนั้น นายชูวิทย์ ได้ตั้งคำถามว่า แล้วถ้านายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ แน่ใจหรือว่าจะไม่ช่วยนายทุน แน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่ช่วยเลี่ยงภาษี เพราะการซื้อขายขนาดแค่นี้คุณยังช่วยฉะนั้นบอกเลยว่าไม่มีทาง ที่จะมีความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ ท้ายที่สุดประเทศไทยจะได้นายกฯที่เป็นนายทุน” นายชูวิทย์ กล่าว
จากนั้นนายชูวิทย์ ได้นำถาดพิซซ่าขึ้นมาแสดงตัวอย่างเพื่อเปรียบเทียบการตัดแบ่งโอนที่ดินเป็น 12 ชิ้นและระบุว่าอีกข้อน่าสงสัยคือทำไมในที่ดินผืนเดียวกันสามารถแบ่งขายราคาได้หลากหลายราคา 12 คน เพราะเมื่อนำมาหารเฉลี่ยต่อตารางวาแล้ว แต่ละคนก็มีการซื้อขายที่ไม่เท่ากัน บาง คน 3 ล้าน 9 แสนกว่าบาท บางคน 4 ล้านบาท ทั้งที่เป็นโฉนดฉบับเดียวกัน
นายชูวิทย์ บอกว่าจะนำข้อมูล และเอกสารที่นำมาแถลงวานนี้ (3 ส.ค.66) ไปยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) / กรมสรรพากร และประธานรัฐสภา เพื่อให้นำข้อมูลนี้ไปประกอบในการพิจารณาโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะตนเชื่อว่าพฤติการณ์เหล่านี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ที่ระบุว่านายกฯต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต และถือว่ามีความผิดตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481 มาตรา37 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ระหว่างนั้น นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า เขาเป็นคนตัวสูงมักจะมองข้ามคนอื่นๆ ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ชอบ เพราะถือว่ามาในฐานะตั๋วปู ก็คือของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายเศรษฐา เป็นคนมีอีโก้สูง ปากไวใจร้อน ตนรู้พฤติกรรมหมดเวลาจะแฉใคร
ส่วนที่มีผู้สงสัยว่าการออกมาเปิดโปงครั้งนี้ของตนเป็นเรื่องส่วนตัวเนื่องจาก บมจ.แสนสิริ ไม่ซื้อที่ดินตนเองหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนขายที่ดินนั้นให้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่งไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อนฉะนั้นขายให้ บมจ.แสนสิริไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ บมจ.แสนสิริเคยส่งผู้มาเจรจาเรื่องที่ดินดังกล่าวจริงเมื่อปี 2565
ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ทั้งหมดของพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวมองว่านายชัยเกษม นิติสิริ เป็นผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯ เพราะเป็นผู้มีอายุมากแล้ว คงไม่ได้คาดหวังเงินทองใดๆ และยังมีความเป็นนักกฎหมาย ซึ่งเดิมคุณหญิงพจมานและนายทักษิณเองก็เลือกนายชัยเกษม //เพราะหากเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็ถูกมองว่าเป็นลูกถ้าเป็นนายกฯก็ต้องการทำการทุกอย่างเพื่อให้นายทักษิณกลับ
ทั้งนี้ นักข่าวยังถามด้วยว่าก่อนการแฉมีพรรคเพื่อไทยติดต่อมาหรือไม่ นายชูวิทย์ บอกว่า มี แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นใคร ที่บอกไม่ได้เพราะตนมีจริยแฉ เพราะเป็นนักแฉแห่งช่าติ จึงบอกได้พัยงว่ามีคนติดต่อมาเพื่อขอว่า “อย่าแฉ”
นอกจากนี้ชูวิทย์ แบ่งประเด็นการเปิดเนื้อหาเป็น 10 ตอนประกอบด้วย
EP.1 ชื่อตอน 12 คน 12 วัน (แฉไปแล้ววานนี้ 3 ส.ค.66)
EP.2 ชื่อตอน ปั่น
EP.3 ชื่อตอน บวม
EP.4 ชื่อตอน ขงเบ้ง
EP.5 ชื่อตอน ร้าง
EP.6 ชื่อตอน แพะชนแกะ
EP.7 ชื่อตอน ฟอก
EP.8 ชื่อตอน ตัดตอน
EP.9 ชื่อตอน กู้
EP.10 ชื่อตอน บทสรุปธาตุแท้ของนายทุน
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/57Hc950zR-Q
แท็กที่เกี่ยวข้อง ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์ ,เลี่ยงภาษี ,แสนสิริ