เลือกตั้งและการเมือง

‘ธนกร’ ถาม ‘ด้อมส้ม’ มี ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ได้คนเดียวหรือ ลั่นประเทศไม่ใช่เล่นขายของ

โดย petchpawee_k

25 ก.ค. 2566

8 views

วานนี้ (วันที่ 24 ก.ค) นายธนกร​ วังบุญคงชนะ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ​ กล่าวถึงท่าทีพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังเดินทางร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าจะเป็นการส่งสัญญาณร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่​ 


นายธนกร กล่าวว่า ​เป็นไปตามที่นายพีระพันธุ์​ สาลีรัฐวิภาค​ หัวหน้าพรรคได้แสดงจุดยืนไปแล้ว แต่จะร่วมกันหรือไม่ต้องมาหารือร่วมกันภายในพรรคก่อน ซึ่งจะมีการประชุม สส. ในวันพุธที่ 26 เวลา 16.00 น.​ โดยหัวหน้าและเลขาธิการพรรค​ จะนำผลการหารือมาพูดคุยในที่ประชุม.ส.ส และกรรมการบริหารพรรค พร้อมกับย้ำว่าก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคเคยแสดงเจตจำนงค์ไปแล้วว่ามีแนวคิดอย่างไร​


ส่วนทิศทางแนวโน้มของ สส.รวมไทยสร้างชาติใน​ขณะนี้มีความคิดเห็นอย่างไรนั้น นายธนกร กล่าวว่า ตนมองว่าส.ส.ภายในพรรคเป็นเอกภาพ​ ดังนั้นการพูดคุยเจรจาถ้ามีเงื่อนไขทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ตนก็คิดว่าสส.ของพรรคไม่มีปัญหา


ส่วนได้มีการหารือกับพลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ ในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติแล้วหรือไม่ หลังการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย​ นายธนกร กล่าวย้ำว่า​ พลเอกประยุทธ์​ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว แต่เท่าที่ตนได้พูดคุยและทำงานกับพลเอกประยุทธ์อยู่​ แม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้วนั้น​ ซึ่งการที่พรรครวมไทยสร้างชาติไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย พลเอกประยุทธ์ก็ไม่ได้ว่าอะไร


 โดยนายธนกร ยืนยันว่าการที่พลเอกประยุทธ์ ประกาศวางมือทางการเมืองไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดทางให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมทางทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด​ เนื่องจากที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ ก็เปรยตลอดว่าหากถึงเวลาที่เหมาะสม ท่านก็จะต้องวางมือ และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวทางที่พลเอกประยุทธ์ คิดไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เนื่องจากทำงานให้ประเทศชาติมากว่า 8-9 ปี ถึงเวลาที่เหมาะสมที่ท่านต้องพักผ่อน และหาเวลาไปทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในมิติอื่น ซึ่งตนก็เชื่ออยู่แล้วว่าพลเอกประยุทธ์พร้อมที่จะทำงานให้ประเทศชาติ


เมื่อถามถึงกรณีของนายแพทย์ชลน่าน​ ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย​ ออกมาระบุว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เป็นหน้าที่ของพรรคในลำดับที่ 3 จะต้องรัฐบาล จะถือเป็นการส่งสัญญาณว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ นายธนกร​ ระบุว่า​ ตามหลักการพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ก็ต้องเป็นพรรคในลำดับที่ 2 และหากพรรคในลำดับที่ 2 ไม่สามารถจัดตั้งได้ก็เป็นพรรคลำดับที่ 3 เป็นไปตามหลักการทั่วไป​ ซึ่งตนก็เห็นใจพรรคเพื่อไทย เหมือนมติของ 8 พรรคร่วมให้ไปแสวงหาคะแนนเพิ่ม ในแนวทางต่างๆ


เมื่อพรรคเพื่อไทยไปแสวงหาแกนนำพรรคก้าวไกลก็กลับเหน็บแนม​ และสมาชิกของก้าวไกลก็บุกไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย และมีการใช้แป้งเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อวาน​ ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม​ พร้อมกับระบุว่าเมื่อท่านเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตย และควรทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคที่รักใคร่ชอบพอ เพราะบรรยากาศแบบนี้เหมือนท่านปล่อย ซึ่งมันเป็นทฤษฎี 2 ขา นำไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด พร้อมยืนยันว่า การชุมนุมต่างๆสามารถทำได้เป็นไปตามที่นายสมบัติ​ บุญงามอนงค์​ หรือบก.ลายจุด​ จัดกิจกรรม ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเพราะทำตามกฎหมาย



"แต่แกนนำจะตั้งรัฐบาลอันดับ 1 คือวันนี้พอเป็นนายกฯ ไม่ได้​ ไม่มีใครป็นได้แล้วหรือ นอกจากคุณพิธา​ ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมาหากอันดับ 1 ตั้งไม่ได้ ก็อันดับ 2 ตั้งไป เป็นเรื่องปกติมากทางการเมือง และที่บอกว่ารอไปสัก 10 เดือน ส่วนตัวมองว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จกลไกการจัดตั้งรัฐบาล การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีก็ควรเดินหน้าไป ไม่ควร​ แม้มีอุปสรรคบ้าง เพราะมันเป็นการเมืองแบบรัฐสภาฯ​ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ ไม่ควรรอถึง 10 เดือนเพราะประเทศเสียหาย และประชาชนเฝ้ารอดูอยู่ และนักธุรกิจก็เฝ้ารอดูอยู่"



เมื่อถามถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายภายในพรรคเพื่อไทย วานนี้จะทำให้ MOU​ 8 พรรคร่วมล่มหรือไม่​ นายธนกร​ ปฏิเสธว่า​ ตนไม่ทราบเนื่องจากเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย แต่ตนเห็นบรรยากาศแล้วที่มีการนำแป้งไปโรยนั้น ก็สงสารนายสันติ​ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เพราะเลอะแป้งไปถึงศีรษะ



พร้อมระบุว่ามันไม่ควรมีบรรยากาศแบบนี้ เนื่องจากเป็นการเจรจาตามกรอบที่พรรคร่วมแตกพรรคได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทย​ ซึ่งในการเจรจาเบื้องต้นก็ต้องมีการพูดคุยว่าเขาคิดกันอย่างไร และมันยังไม่ได้ไปถึงจุดร่วมรัฐบาลกันเลย และเมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้แล้วในอนาคตตนมองว่าก็อาจจะยุ่งยากเหมือนกัน



ส่วนเหตุการณ์วานนี้พรรคเพื่อไทย ควรจะบอกเลิกพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวตนไม่ขอก้าวล่วง พร้อมกับกล่าวว่าหากพรรคในลำดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งได้ก็ควรเป็นพรรคในลำดับที่ 2 หากพรรคลำดับ 2 ไม่ได้ก็ควรเป็นลำดับที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกข์พรรคการเมืองควรเข้าใจ และคิดว่าทุกพรรคที่ได้รับการเชิญไปพูดคุยก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าถูกเชิญไปพูดคุยแล้วจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะเป็นพรรคฝ่ายค้านก็ได้เราก็ไม่รู้ แต่นี่เป็นการเจรจาในเบื้องต้น


เมื่อถามว่ามองอย่างไรในท่าทีของพรรคก้าวไกลที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมออกจากพรรคร่วมรัฐบาล​ นายธนกร​ ระบุว่า"แบบนี้มันเป็นเด็กเกินไปหรือเปล่า บ้านเมืองไม่ใช่เด็กเล่นขายของ เหมือนกับคนที่เป็นแฟนกัน หมั้นกันแล้วเขาก็เลิกกันได้ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชนมาอย่างนี้ วันหนึ่งเมื่อหมั้นกันแล้วพ่อแม่คลุมถุงชนมาเขาก็ยังเลิกกันได้เลย​ เพราะมันไม่ได้รักกันด้วยหัวใจไง ฉะนั้นคนที่จะแต่งงานกัน มันต้องมีความรักที่ออกมาจากใจ ไม่ใช่รักด้วยสมอง แต่ต้องรักด้วยหัวใจ"



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/mHNRAYjaJc8

คุณอาจสนใจ

Related News