เลือกตั้งและการเมือง

“เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช. ตั้งเรื่องสอบ “ส.ส.-ส.ว.” ที่จะโหวตนายกฯ ซึ่งมีลักษณะต้องห้าม เข้าข่ายฝ่าฝืนรธน.

โดย kanyapak_w

12 ก.ค. 2566

840 views

ยังตามไล่บี้! “เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช. ตั้งเรื่องสอบ “ส.ส.-ส.ว.” ที่จะโหวตนายกฯ ซึ่งมีลักษณะต้องห้าม เข้าข่ายฝ่าฝืนรธน.



นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง ป.ป.ช. เพื่อตั้งเรื่องตรวจสอบ ส.ส.และ ส.ว. ว่าจะเข้าข่ายมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่



นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมาจากการที่ กกต. มีมติให้ไต่สวนความผิดตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และต่อมามีส.ว.บางคน ออกมาเตือนเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) อาจจะกระทำมิได้ เพราะจะขัดต่อมาตรา 159 ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องร้องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อตั้งเรื่องตรวจสอบต่อไป โดยมีรายละเอียด 6 ข้อ



ก็มีการอ้างอิง กรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวไว้ส่วนหนึ่งว่า



“ดังนั้นการทำหน้าที่ของส.ส.และส.ว.จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตราร 272 และส.ว.และส.ส.จะเห็นชอบบุคคลที่จะเป็นนายกฯตามมาตรา 159 ตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญ ดังนั้นส.ส.และส.ว.จะต้องเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามคือการถือหุ้นสื่อไอทีวี ดังนั้นการทำหน้าที่ไม่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นคุณสมบัติที่มีความผิดในตัวของมันเอง ถ้าถือหุ้นสื่อก็ขัดคุณสมบัติอยู่แล้ว ส่วนเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจน การถือหุ้นเป็นเหตุและขัดรัฐธรรมนูญ แต่ความขัดหรือไม่ขัดเกิดขึ้นแล้ว เพราะส.ส.และส.ว.ต้องทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159”





นอกจากนี้ ยังอ้างอิงกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวไว้ส่วนหนึ่งว่า



“ถ้าหากกกต.มีมติว่า ขาดคุณสมบัติส.ส. และรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งอันเป็นความผิดตาม ม. 151 ด้วย”





นายเรืองไกร กล่าวว่า หาก ส.ส.และส.ว. ไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 การกระทำนั้นก็อาจมีผลเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง ตามมาได้ ซึ่งผลแห่งการกระทำนั้น อาจเข้าข่ายฐานเป็น ส.ส.และ ส.ว. ผู้ใดมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) ตามมาอีกด้วย  





ดังนั้น การที่สมาชิกรัฐสภา ผู้ใดจะกระทำการให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า บุคคลมีจะให้ความเห็นชอบนั้น เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 ทั้งนี้ ตามมติ กกต. ที่ให้ดำเนินการตามความในมาตรา 151 นั้น ย่อมอาจเข้าข่ายมีการกระทำอันฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ





นายเรืองไกร กล่าวว่า จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ทำการตั้งเรื่องเพื่อตรวจสอบผลแห่งการกระทำที่จะเกิดขึ้นตามมาดังกล่าวข้างต้นว่า มี ส.ส.และส.ว. ว่าจะเข้าข่ายมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News