เลือกตั้งและการเมือง

จับตา 2 ก.ค. ประชุม 8 พรรคร่วม ครั้งสุดท้ายก่อนเปิดสภา - 'หมออ๋อง' เปิดใจปมประธานสภา

โดย nattachat_c

29 มิ.ย. 2566

352 views

วานนี้ (28 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เปิดเผยว่า ทางพรรคก้าวไกล ได้เชิญพรรคร่วมประชุมในช่วงเช้า วันที่ 2 ก.ค. 66 ที่พรรคก้าวไกล


เวลา 09.00 น.

ประชุมระหว่าง 2 พรรค คือ เพื่อไทยและก้าวไกล ประเด็น เรื่องตำแหน่งประธานสภา และรัฐมนตรี


เวลา 10.00 น.

ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 

-------------

วานนี้ (28 มิ.ย. 66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา (หมออ๋อง) ส.ส.พิษณุโลก และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เปิดใจในรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ และให้สัมภาษณ์กับสื่อสารมวลชนที่มารอบริเวณช่อง 3 ว่า


การเลื่อนการประชุมก็แค่การเลื่อนการประชุม ไม่ได้ 'ล้มการประชุม' ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงที่คณะเจรจาต้องพูดคุยกัน เขากำลังทำงานกันอยู่


นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงหลักการที่ยึดว่า พรรคอันดับ 1 ต้องได้ตำแหน่งประธานสภา เช่นเดียวกับพรรคอันดับ 1 ที่ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล


พรรคก้าวไกลยืนยันในหลักการ ประธานสภา คือ

1. พรรคอันดับหนึ่ง

2. เป็นธรรม

3. พรรคก้าวไกลก็ต้องฟังเสียงสมาชิกเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยที่ต้องฟังเสียงสมาชิกตัวเอง


จากกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เคยกล่าวว่า ประธานสภาต้องเป็นของก้าวไกล เพื่อที่จะผลักดันกฎหมาย 40 กว่าฉบับ ซึ่งมีอีกฝั่งที่บอกว่า ประธานสภาฯ ต้องเป็นกลางจะมาผลักดันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้

นายปดิพัทธ์ บอกว่า เป็นเรื่องจริง เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า ประธานสภาฯ ต้องเป็นกลาง และไม่ได้เป็นแค่ประธานของผู้แทนราษฎร แต่เป็นประธานของสมาชิกวุฒิสภาด้วย หรือเป็นประธานรัฐสภาด้วย

--------------

วานนี้ (28 มิ.ย. 66) เพจ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 


“พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นและประกาศตลอดเวลาเมื่อจับมือกับพรรคก้าวไกลคือ เราจะทำอย่างไรให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เรามัดกันแน่นมาตลอด และต้องทำงานให้ได้”


ตอนหนึ่งของคำให้สัมภาษณ์ของ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ถึงประเด็นการเจรจากับพรรคก้าวไกล กรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ท่าทีของพรรคเพื่อไทยเรื่องประธานสภาไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะการเจรจาเพิ่งเริ่มต้นไปครั้งเดียว และเป็นเพียงการรับข้อเสนอของแต่ละพรรคไปพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปตรงกัน โดยยึดหลักการใหญ่ว่าต้องจับมือกับพรรคก้าวไกลเพื่อตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยตามฉันทามติที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน


1. การประชุมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรคเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เป็นการที่พรรคยืนยันหลักการในสิ่งที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรกที่ออกมาเป็น 14+1 คือ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรีดูแลฝ่ายบริหาร และพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรี 14 และจะรับหน้าที่ในการเป็นประธานสภา ซึ่งในส่วนนี้เป็นการสิ่งที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก


2. ที่ผ่านมา มีการเสนอความคิดเห็นต่างๆ เป็นการแสดงความเห็นต่างภายในของแต่ละพรรค เมื่อพรรคเห็นว่าเกิดกระแสความคิดเห็นแตกต่าง และการจะไปเจรจาควรมีความชัดเจน จึงเป็นที่มาของการประชุมพรรคเพื่อยืนยันหลักการเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลยังไม่ได้มีคำตอบกลับมา ซึ่งจะมีคำตอบอย่างไรก็ยังเป็นกระบวนการภายในของพรรคก้าวไกล


3. พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนที่เราต้องคำนึงถึง เราก็ยืนยันหลักการให้นำข้อเสนอไปพูดคุยเท่านั้น ยังไม่ใช่มติใดๆ เป็นแนวทางวางไว้เป็นหลักเจรจา ยึดหลักการเดิมไม่ได้เพิ่มหลักการใหม่ใดๆ เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกับพรคก้าวไกล และพรรคร่วม 8 พรรคยืดถือมาตลอดคือ เราจะมัดกันแน่นและทำงานด้วยกัน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นประเด็นหลัก


4. ประเด็นตำแหน่งประธานสภา จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค อีกทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลนั้นได้รับฉันทามติมาจากพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งว่าต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย หากเพียงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้แตกแยกพี่น้องประชาชนจะรับไม่ได้  


5. พรรคเพื่อไทยระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ให้เกิดการฟรีโหวต เพราะไม่เป็นประโยชน์กับทั้งสองพรรค และยังจะเกิดประโยชน์กับกลุ่มที่สามที่รอโอกาส ดังนั้น พรรคเพื่อไทยเสนอหลักการเดิมแล้ว หากสองพรรคได้ข้อสรุปตรงกันก็เดินหน้าต่อ แต่ถ้ายังไม่ได้ข้อสรุปก็ควรไปหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันให้ได้


6. พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นและประกาศตลอดเวลาเมื่อจับมือกับพรรคก้าวไกลคือ เราจะทำอย่างไรให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เรามัดกันแน่นมาตลอดและต้องทำงานให้ได้
--------------
ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุ


"เมื่อคนในพรรคการเมืองมีความเห็นต่าง การแสดงออกทางความเห็น ก็เป็นเรื่องปกติที่พึงกระทำได้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่มองว่า #ประธานสภา ควรเป็นของ #เพื่อไทย


คณะเจรจาก็มีหน้าที่นำข้อเสนอเข้าสู่การเจรจาเพื่อยืนยันข้อหารือเดิม 14+1 ที่เคยพูดกันของคณะเจรจา 2 พรรค ในการประชุมครั้งแรก ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เคยเสนอไว้แล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบหรือท่าทีจากพรรคก้าวไกล  


เพื่อยุติปัญหานี้ เร่งจัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปและหาทางออกน่าที่ดีสุด เพราะถ้ายังเห็นต่างอยู่ในที่ประชุมทั้ง 2 ฝ่ายก็จะกลับไปคุยในพรรคเพื่ออธิบายคนในพรรค แล้วมาพูดคุยกันใหม่ เรื่องนี้จะได้จบโดยเร็ว


แต่ยืนยันว่าทั้งหมดยังเป็นไปภายใต้หลักการเดิม คือจับมือกันตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย และคุณพิธาเป็นนายกฯ"
--------------

วานนี้ (28 มิ.ย. 66) นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เสนอชื่อนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า


เป็นการลักไก่ของพรรคก้าวไกล ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาตำแหน่งประธานสภาจะเป็นของพรรคใด แต่จู่ๆ มาเสนอชื่อนายปดิพัทธ์เป็นประธานสภา ถือว่าออฟไซด์ ต้องถามว่ามีมารยาทและจิตสำนึกหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อตกลงใดๆ ว่าตำแหน่งนี้จะเป็นของพรรคใด ยิ่งการเลื่อนวงเจรจาออกไปไม่มีกำหนดจะให้พรรค พท.เตรียมตัวอย่างไร จะไปเจรจากับใคร

--------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/q1AJorXbXn4

คุณอาจสนใจ

Related News