เลือกตั้งและการเมือง

'มัลลิกา' ไลฟ์เดือดฟาด 'พิธา-ธนาธร' บอกถ้าฉันมีอำนาจ ฉันก็ปฏิวัติ ถ้ามีรถถัง ฉันจะขับไปเอง

โดย nattachat_c

14 มิ.ย. 2566

5K views

วานนี้ (13 มิ.ย. 66) นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน  อดีตกรรมการบริหาร และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไลฟ์ผ่าน TikTok โดยระบุถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ


ซึ่งบางช่วง ระบุถึงการจัดเก็บภาษีท้องถิ่น ว่า ทุกวันนี้ นายพิธา พูดจนน้ำตายแตกฟอง คน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หูผึ่ง แต่บางคนเขาฉลาด เขาก็บอกว่า ภาษีที่จัดเก็บได้ที่ จ.ปัตตานี ได้แค่ 1 พันล้านเท่านั้น แต่อีก 5-6 พันล้านเอามาจากส่วนกลาง เพราะท้องถิ่นจัดเก็บภาษีได้ไม่มากอยู่แล้ว เหมือน จ.แม่ฮ่องสอน ก็จัดเก็บภาษีได้ไม่มาก ส่วนใหญ่ภาษีจะใช้ของกองกลางทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นบางจังหวัดที่มีธุรกิจเยอะหน่อย ก็อาจจะจัดเก็บภาษีได้เยอะ แต่บางพื้นที่การจัดเก็บภาษีท้องถิ่นจัดเก็บได้ไม่มาก เพราะไม่มีเขตอุตสาหกรรม ไม่มีธุรกิจ SME สตาร์ทอัพเพื่อที่จะจัดเก็บภาษีให้ได้มากในพื้นที่นั้น


เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าในประเทศไทย ทั้ง 77 จังหวัด เราใช้กระทรวงคลัง กระทรวงเดียวบริหารจัดการทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งก็จะดูที่ความเท่าเทียม ว่าจังหวัดไหนควรจะได้มาก จังหวัดไหนควรจะได้น้อย ไม่ได้หมายความว่าจะต้องลำเอียงไปจังหวัดใด จังหวัดหนึ่ง


และ ณ เวลานี้โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง รถไฟความเร็วสูง ที่เราจะสามารถขนสินค้าไปใน สปป.ลาวได้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลต่อยอดให้


ดังนั้นในกรณีของคนที่จินตนาการ หรือคิดฝันอะไร สามารถทำได้เพราะถือเป็นเสรีภาพ แต่จะคิดแบ่งแยกดินแดนไม่ได้ เหมือนกับกรณีที่ว่า ประเทศนี้มี ม.112 ที่จะคุ้มครองสถาบันสำคัญของชาติ คุณจะไปแก้ไข และยกเลิกไม่ได้ คุณจะฝัน คุณจะต้องการเสรีภาพ คุณทำได้ แต่หากคุณละเมิดจาบจ้วงก็ต้องโดนคดี


ส่วนเรื่องที่พาให้สังคมแตกแยก คุณรู้หรือไม่กรณีนี้เคยเป็นหนึ่งในข้อหาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยถูกปฏิวัติเมื่อปี 2549 โดยข้อหาที่คุณทักษิณโดนคือ 1.ทุจริตคอรัปชั่น 2.แบ่งแยกและปกครองพาประชาชนไปสู่ความแตกแยก 3. ล่วงละเมิดดสถาบันสำคัญของชาติ ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติ


เพราะฉะนั้นถ้าเกิดกลัวทหารจะมาปฏิวัติ กลัวกระบอกปืน กลัวรถถัง ต้องไม่ทำ 3-4 เรื่องนี้ คือ

1.ห้ามแบ่งแยกดินแดนเพราะมันเป็นภัยต่อความมั่นคง

2.ห้ามล่วงละเมิดจาบจ้างสถาบันของชาติ

3.ห้ามทุจริตคอรัปชั่นประเทศชาติ

และ 4.ห้ามพาประชาชนไปสู่ความแตกแยก

4 ข้อนี้ล้วนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ คุณทำไม่ได้ ถ้าคุณทำข้อห้ามเหล่านี้ จะเป็นเงื่อนไขทันที หากตนมีปืนตนก็ปฏิวัติ


"อย่ามาคิด คำสวยหรูว่าประชาธิปไตยอย่างเดียว อย่ามาคิดคำสวยหรูว่าเสรีภาพอย่างเดียว เสรีภาพแล้วทุจริต กินกันฉิบหายอย่างนี้ไหวเหรอ ประชาธิปไตยแล้วจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน ทั้ง 3 สถาบัน ไหวเหรอ"


"ประชาธิปไตย เสรีภาพ ภราดรภาพ อิสรภาพ เสร็จแล้วแบ่งแยกดินแดน แบบนี้ไหวเหรอ เพราะฉะนั้นทำไมอะ ไม่ต้องไปถึง ผบ.ตร. หรอก ถ้าเกิดฉันมีอำนาจ ฉันก็ปฏิวัติ ถ้าเกิดฉันมีรถถังฉันจะขับไปเองเลย จะเหยียบหัวแตกเลย" นางมัลลิกากล่าว


นางมัลลิกา ยังบอกอีกว่า "เรื่องดังกล่าวไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหน เกิดมาน้ำร้อนลวกไม่มีกี่ปีทำเป็นอวดฉลาด อวดเก่ง ประเทศไม่ใช่ของคุณ 2 คน จะมาแบ่งแยกประเทศกูไม่ยอม จะมาจาบจ้วงล่วงละเมิดกูก็ไม่ยอม จะพาประชาชนไปสู่สงครามกูก็ไม่ยอม อย่ามาอวดฉลาด เวลาทำฉลาดอย่าสะเหล่อ อย่าเอาแต่คิดคำสวยหรู อ้างถึงประชาธิปไตย อ้างถึงเสรีภาพ"


นางมัลลิกา ยังระบุถึงคนกรุงเทพฯ ที่เลือก ส.ส.เสื้อส้มหมดเลย โดยบอกว่าปัจจัยมีหลายอย่าง ซึ่งคนเบื่อเพราะนายกฯ อยู่มา 8 ปี มันก็น่าเบื่อจริงๆ คนเราเห็นหน้าเดิมๆ ซ้ำๆ มา 8 ปี มันก็เบื่อบ้างเป็นธรรมดา แต่ปัจจัยที่เลือก ส.ส.เสื้อส้มเพราะ

1.เลือกใครก็ได้ตามกระแส เพราะความเบื่อนายกฯ คนเดิม

2. เลือกเพราะนโยบาย 300 ข้อของพรรคก้าวไกล ซึ่งนโยบายทั้งหมดทำไม่ได้สักเรื่อง

3. เลือกเพราะนายพิธา หน้าตาดี และดูฉลาด การศึกษาดี พูดจาดี น่าจะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่ดีได้ เลือกเพราะเชื่อว่านายพิธาจะดี


"แต่ในที่สุดแล้วเราจับโกหกนายพิธาได้ ตั้งแต่เรื่องการกลับมาประเทศไทยตอนคุณพ่อเสียชีวิต เป็นผู้นำต้องไม่โกหกเค้า แต่เราไปโกหกตั้งแต่ต้นทำไม เขาถึงเรียกพิธาคิโอ้ โกหกตั้งไม่รู้กี่เรื่อง ประวัติตัวเองก็โกหก นาโยบายก็โกหก ประวัติบริษัทยังโกหก"


นางมัลลิกา ยังระบุถึง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่คนกรุงเทพเลือกเข้ามาเป็น ผู้ว่าฯ กทม. โดยถามว่า ตอนนี้เห็นผลงานนายชัชชาติ สักอย่างหรือยัง

-------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/OVX9GMpiCZA

คุณอาจสนใจ

Related News