เลือกตั้งและการเมือง

เตรียมเด้งยกแผง 40 ตร.ทางหลวง เซ่นส่วยสติกเกอร์ 'วิโรจน์' ยื่นหลักฐานให้จเรตำรวจ

โดย nattachat_c

9 มิ.ย. 2566

124 views

เตรียมเด้งยกแผง 40 ตร.ทางหลวง เซ่นส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการ ผบก.ทล. ลั่นถึง เวลาปัดกวาดบ้านของตัวเอง หลังพบหลักฐานและข้อมูลพาดพิงที่ได้รับจากผู้ประกอบการ โยง ตำรวจทางหลวง มีอยู่ประมาณ 35-40 นาย ตั้งแต่ระดับชั้นประทวนไปจนถึงระดับชั้นสัญญาบัตร

ด้านวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และประธานสหพันธ์การขนส่งฯนำ หลักฐานการส่งส่วยสติกเกอร์ มอบจเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ พร้อมหวังแก้ปัญหาจริงจัง แฉเพิ่มมีตำรวจค้าสำนวนร่วมอัยการ ให้ออกคำสั่งยึดรถบรรทุกที่ไม่จ่าย ด้านจเรตำรวจแห่งชาติ ระบุ ขอตรวจสอบ 15 วันจะมีความชัดเจน

วานนี้ (8 มิ.ย. 66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นำหลักฐานของกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ได้รับความเดือดร้อนจากการส่งส่วยสติกเกอร์ให้กับตำรวจทางหลวง โดยมีจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับมอบ


นายวิโรจน์ กล่าวว่า หลักฐานที่มีเป็นของทั้งผู้ประกอบการ และพลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสเข้ามาเพื่อให้ตำรวจนำไปดำเนินการสืบสวนเชิงลึก และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อ พร้อมกับเชื่อว่าตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว และจะขยายผลได้ดีกว่า การนำข้อมูลมาให้เพื่อให้ตรวจสอบว่า มีความสอดคล้องกันหรือไม่


การยื่นหนังสือครั้งนี้ ก็คาดหวังให้สืบสวนไปถึงการเรียกรับประโยชน์ทั้งระบบ และให้ดำเนินคดีทั้งผู้สนับสนุนให้บรรทุกน้ำหนักเกิน เช่น โรงโม่ บริษัทขายหินทราย ให้มีคำสั่งยึดใบอนุญาตประกอบโรงงาน หรือใบ รง.4 ซึ่งจะเป็นต้นเหตุของปัญหาบรรทุกน้ำหนักเกินจ นนำไปสู่การจ่ายส่วย และไม่อยากให้มีการกลั่นแกล้งรังแกผู้ประกอบการที่ทำสุจริต


อีกทั้ง การค้านสำนวนของพนักงานสอบสวน ที่อาจจะร่วมกับอัยการบางคน ในการดำเนินคดีกับรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินจากปกติบรรทุกได้ไม่เกิน 55 ตัน แต่เมื่อถึงด่านชั่งน้ำหนักน้ำหนักเกิน 100-200 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ และจะมีคำสั่งยึดรถจากอัยการในระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล และอาจจะถูกอุทธรณ์คดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทำให้ถูกยึดรถต่อเนื่อง แต่หากมีการจ่ายเงินก็จะถูกดำเนินคดีในชั้นศาล ซึ่งศาลก็จะสั่งลงโทษ 3,000-5,000 บาท และเห็นว่าคดีเหล่านี้เป็นการลงโทษที่ไม่สมส่วน


นายวิโรจน์ ระบุว่า ด่านชั่งน้ำหนักต่างๆ ก็ต้องมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่หากน้ำหนักต้นทางบรรทุกมาไม่เกิน หรือเกินเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อถึงด่านชั่งกลับมีน้ำหนักเกินมาเป็น 100 กิโลกรัม ก็ควรเชื่อว่ารถบรรทุกไม่น่าจะมีเจตนาบรรทุกน้ำหนักเกินจนถึงขนาดนั้น ซึ่งที่ผ่านมารถที่บรรทุกเกินมา 30-40 ตัน ถูกดำเนินคดี แต่บางคันก็ได้รับการยกเว้น และถูกส่งฟ้องไปถึงอัยการ


นายวิโรจน์ ยังระบุอีกว่า การเข้ามาร่วมอยู่ในสหพันธ์ของผู้ประกอบการรถบรรทุกเป็นความสมัครใจ ไม่สามารถเหมารวมได้ว่า คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกจะทำผิดกฎหมายทั้งหมด แต่ผู้ประกอบการบางคน หรือเจ้าของรถบรรทุก ก็อยู่ในภาวะจำยอมที่ต้องจ่ายส่วย เพื่อทำให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ก็ต้องได้รับการแก้ไขปัญหา

---------------

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เผยว่า

ปัจจุบัน มีรถบรรทุกอยู่ในไทยกว่า 1.5 ล้านคัน แต่เป็นสมาชิกของสหพันธ์กว่า 4 แสนคัน และได้ทำ MOU กันว่าจะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยที่อยู่เหนือการควบคุมในการทำผิดกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวก็ถือว่ามีมานานแล้วและไม่ได้รับการแก้ไข ในครั้งนี้เมื่อมีหลักฐานจึงนำมามอบให้ตำรวจตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่าไม่มีนัยยะใดๆ ทั้งสิ้น หรือเป็นการขัดผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ประกอบการในสมาพันธ์ด้วยกันเอง


นายอภิชาติ ยังกล่าวว่า หากพบสมาชิกคนใดทำผิดเงื่อนไขก็จะไล่ออกจากการเป็นสมาชิกทันที และสามารถตรวจสอบรถบรรทุกที่อยู่ในสหพันธ์ได้ เพราะมีความชัดเจนมาโดยตลอด ส่วนการเข้าไปร่วมตรวจสอบกับตำรวจ หรือจะลงไปตรวจสอบในสถานที่ที่มีปัญหาก็พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ

---------------

ขณะที่ พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า


จะรับข้อมูลของทั้งสองฝ่ายไปสืบสวนและดำเนินการถึงตำรวจเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เฉพาะตำรวจทางหลวง แต่รวมไปถึงหน่วยอื่นๆ ตามที่มีข้อมูลปรากฏ โดยเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตรวจสอบให้ถึงที่สุด แต่หากใครยังมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวก็สามารถส่งมาให้ได้ ส่วนรถบรรทุกที่ทำถูกกฎหมายอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวล ก็จะได้รับความคุ้มครอง และจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน

---------------

วานนี้ (8 มิ.ย.) เวลา 16.00 น.พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการ ผบก.ทล. เปิดเผยความคืบหน้า การสืบสวนคดีส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ว่าได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ที่กำชับมาให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อกอบกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของตำรวจทางหลวงกลับคืนมา และให้เร่งดำเนินการทางปกครองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่เข้าไปเกี่ยวข้อง


จากพยานหลักฐาน และข้อมูลพาดพิง ที่ได้รับจากผู้ประกอบการ คาดว่ามีอยู่ประมาณ 35-40 นาย ตั้งแต่ระดับชั้นประทวนไปจนถึงระดับชั้นสัญญาบัตร โดยวันนี้ (9 มิ.ย. 66) จะมีการเซ็นคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ ศปก.บก.ทล. อย่างเป็นทางการ ยืนยัน ไม่มีการช่วยเหลือ เพราะเราทำตามหลักฐานข้อเท็จจริง เพราะถึงเวลาแล้วที่ตำรวจทางหลวงจะต้องปัดกวาดบ้านตัวเอง


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องเรียนให้ตรวจสอบ อดีต ผบก.ทล. เกี่ยวกับเรื่องเบี้ยเลี้ยงของลูกน้องด้วย ว่า

 ส่วนนี้คงเป็นหน้าที่ของตำรวจ บก.ปปป. จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิตโทรศัพท์มาเจรจาไกล่เกลี่ยให้ปล่อยรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่ถูกจับในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั้น


“ทราบว่าขณะนี้อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว หลังจากนี้จะมีการประสานอัพเดทข้อมูลการตรวจสอบถึงกัน เพราะต้องการทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส ผิดถูกว่ากันตามพยานหลักฐาน และ ขอให้สังคมเชื่อใจว่าจะไม่มีการหมกเม็ดใดๆด้วย”

---------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/gnAjCg6q_pc









คุณอาจสนใจ

Related News