เลือกตั้งและการเมือง

'ก้าวไกล' เผยไทยจะเป็นอย่างไร ภายใต้ MOU ชี้อาจเป็นสิ่งใหม่ แต่ต่อไปจะยกระดับการเมืองไทย

โดย nattachat_c

22 พ.ค. 2566

186 views

วานนี้ (21 พ.ค.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าประสานงานเจรจาร่วมรัฐบาล ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวชื่อ @Chaithawat_MFP ถึงผลการเจรจาเพื่อลงนามใน MOU วันนี้ (22 พ.ค.) ระบุว่า


“ผลการพูดคุยเพื่อจัดทำ MOU ร่วมกันในวันนี้ บรรลุผลไปได้ด้วยดีครับ พรรคก้าวไกลต้องขอขอบคุณหัวหน้าพรรคและแกนนำของทุกพรรคที่เราจะจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยโดยยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง พรุ่งนี้พวกเราจะแถลง MOU ในเวลาเดียวกันกับการประกาศ รปห. เมื่อ 9 ปีก่อน”

-------------

วานนี้ (21 พ.ค.) เพจ พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 


[ ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรภายใต้รัฐบาลก้าวไกล? MOU คืออะไร? ]


พรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า การจัดตั้งและร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคการเมือง ควรต้องเอาวาระหรือนโยบายเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่กระทรวงหรือตำแหน่งเป็นตัวตั้ง


ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับหนึ่ง เราได้เดินหน้าเพื่อเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคการเมือง (รวมทั้งหมด 313 คน) ที่เราเชื่อว่ามีอุดมการณ์และมุมมองต่ออนาคตประเทศไทยที่อยากเห็น ที่สอดคล้องกันในภาพรวม


ในเมื่อรัฐบาลก้าวไกลเป็นรัฐบาลผสม ที่ประกอบไปด้วยหลายพรรคการเมือง เราจำเป็นต้องเคารพความเห็นที่แตกต่างเชิงนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น โดยคำนึงถึงความไว้วางใจที่พรรคการเมืองเหล่านี้ ได้รับจากประชาชนมาผ่านคูหาเลือกตั้งเช่นกัน


ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนได้รับความชัดเจนว่ารัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคก้าวไกลจะผลักดันวาระอะไรบ้าง เราแบ่งวาระออกเป็น 2 ส่วน


1. วาระ “ร่วม” ของทุกพรรคร่วมรัฐบาล (ระบุใน MOU)

วาระและนโยบายที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน พร้อมผลักดันร่วมกันผ่านกลไกบริหารและนิติบัญญัติ และพร้อมรับผิดชอบร่วมกัน


2. วาระ “เฉพาะ” ของแต่ละพรรคการเมือง (ไม่ถูกระบุใน MOU)

วาระและนโยบายที่แต่ละพรรคขับเคลื่อนเอง เพิ่มเติมจาก (แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับ) นโยบายใน MOU ผ่าน 2 กลไกหลัก คือ 2.1 ผลักดันผ่านกลไกบริหารของกระทรวงที่พรรคมีตัวแทนเป็นรัฐมนตรี และ 2.2 ผลักดันผ่านกลไกนิติบัญญัติของระบบรัฐสภาโดยผู้แทนราษฎรของพรรค


2.1. ผลักดันผ่านกลไกบริหารของกระทรวงที่พรรคมีตัวแทนเป็นรัฐมนตรี 

เช่น (หากพรรคก้าวไกลบริหารกระทรวงศึกษาธิการ) นโยบายการศึกษานอกเหนือจากใน MOU ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ


2.2. ผลักดันผ่านกลไกนิติบัญญัติของระบบรัฐสภาโดยผู้แทนราษฎรของพรรค

เช่น กฎหมาย 45 ฉบับที่พรรคพร้อมเสนอสู่สภาทันทีที่สภาเปิด ไม่ว่าจะปรากฎอยู่ใน MOU หรือไม่


พรรคก้าวไกลเรายืนยันว่าจะพยายามเต็มที่ในการผลักดัน 300 นโยบายก้าวไกลที่เราสื่อสารกับประชาชนก่อนเลือกตั้งให้สำเร็จ โดยการพยายามบรรจุนโยบายเข้าไปใน วาระ “ร่วม” หรือ MOU ให้ได้เยอะที่สุด ในขณะที่นโยบายอะไรที่ไม่ถูกบรรจุใน MOU เราจะผลักดันต่อผ่านกระทรวงที่พรรคก้าวไกลบริหาร และผ่านจำนวนผู้แทนราษฎร 152 คน ที่เรามีในสภาผู้แทนราษฎร


แม้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลลักษณะนี้ อาจเป็นสิ่งใหม่สำหรับสังคมไทย แต่พรรคก้าวไกลเชื่อว่า กระบวนการดังกล่าวที่อ้างอิงจากหลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลก จะเป็นกระบวนการที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ในประเทศ ที่ยกระดับความมั่นใจของประชาชนต่อระบบการเมืองไทย และเพิ่มความชัดเจนกับประชาชนว่า ในบริบทของรัฐบาลผสมที่ประกอบไปด้วยหลายพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยนโยบายที่ทั้งมีจุดร่วมและจุดต่างกัน รัฐบาลผสมนี้จะร่วมผลักดัน และรับผิดชอบวาระอะไรเพื่อประชาชน

-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/m9PY0crlWrk


คุณอาจสนใจ

Related News