เลือกตั้งและการเมือง

"พิธา" ประกาศพร้อมเป็นนายกฯของคนทุกวัย ไม่ว่าจะเห็นตรงกันหรือไม่

โดย paranee_s

12 พ.ค. 2566

600 views

วันนี้ (12 พ.ค.2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยในเวทีใหญ่ครั้งสุดท้ายที่อาคารกีฬาเวสน์ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ล้นไปโซนอาคารกีฬาเวสน์ 3 โดยนางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียง ประกาศบนเวทีว่ามีผู้มาร่วมงานจำนวน 50,000 คน ถือว่ามากที่สุดเท่าที่พรรคเคยจัดเวทีปราศรัย



โดยทันทีที่นายพิธา สวมสูท เดินทางเข้ามาที่หอประชุม มีกลุ่มกองเชียร์เข้ามาสวมกอด ตะโกนเชียร์ ขอจับมือ จากนั้นนายพิธาได้ขึ้นเวที พร้อมกับโค้งคำนับ 1 ครั้ง พร้อมกล่าวว่าเหลือเวลาอีกเพียง 2 วันเท่านั้น คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน อีก 2 วัน พวกเราทุกคนจะร่วมกันขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม และวันนี้ตนพร้อมแล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน



“เรามารวมกันในวันนี้ เพราะมีความฝันเหมือนกัน ที่นี่คือสถานที่ที่การเดินทางของเราเริ่มต้นเมื่อ 4 ปีก่อน และความหวังของเรายังเข้มข้นขึ้น คนที่ทำให้เรามีความหวังร่วมกันได้ คือเพื่อนรักของผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วาณิช เราจะเดินหน้าทำความฝันของเราให้เป็นจริง และรอคอยวันที่ทุกคนกลับมา ตนขอทำตามสัญญาเป็นนายก 2 สมัยก็พอ



นายพิธา กล่าวว่า สิ่งที่หลายคนไม่รู้ว่าความฝันที่เรามารวมกันและหลากหลาย มันคืออากาศที่เราหายใจ เป็นเรื่องดิน น้ำ ลมไฟ รัฐบาลจะดูแลคุณมากกว่าแค่ไข่ต้มฟองเดียว ถ้าอยู่ในวัยเดียวกับตน ก็หวังว่าทุกอย่างจะจบในรุ่นเรา เราอยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชาชนเพื่อประชาชน ทุกจังหวัดเลือกตั้งผู้ว่าด้วยตัวเอง ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คืนครูให้ห้องเรียน



จากประสบการณ์ทางการเมืองของตน ข้อจำกัดทางการเมืองใหญ่กว่าปัญหา ดังนั้น ผู้นำคนต่อไปจะต้องเป็นนายกฯที่พร้อมแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ และพร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคตใหม่ด้วยกัน จะหยุดแช่แข็งประเทศไทยได้ นายกฯคนต่อไปต้องแก้ปัญหาเก่าที่ติดหล่มมาตลอด 17 ปี



โดยมี 2 ส่วนคือการยุติวงจรรัฐประหารชั่วนิรันดร โดยต้องทำ 3 อย่างคือปฏิรูปกองทัพให้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ให้กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว มีทหารมืออาชีพ หยุดแทรกแซงกิจการในประเทศ ต้องคืนศรัทธาให้ระบบรัฐสภาให้ประเทศ



นายพิธา ย้ำว่า มีหลายคนเคยเห็นด้วยกับการรัฐประหาร เพราะไม่เชื่อนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และไม่เชื่อมั่นระบบสภา แต่ 8 ปีที่ผ่านมาเราได้บทเรียนราคาแพงนี้แล้ว ประชาธิปไตยไม่มีทางลัด พอบอกว่าระบบใช้ไม่ได้ก็ใช้คนดีย์ มาแก้ ระบบจึงแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นผู้นำคนต่อไปต้องพร้อมตัดวงจรรัฐประหารหรือศรัทธาให้ระบบรัฐสภาไทย สิ่งที่ต้องถามจังเองคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเราจะสร้างกำแพงหรือกังหันลม



นายพิธา กล่าวต่อว่า ในขณะที่เราปราศรัยมีน้องหยก เยาวชนอายุ 15 ปีถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ตนต้องการให้เราตั้งสติอย่างมีวุฒิภาวะ ว่าการกระทำของน้องหยกเหมาะสมหรือไม่ และตั้งคำถามกันชัดๆ ว่าสังคมกำลังสร้างกำแพงกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหรือไม่ และยอมรับหนือไม่ว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังเผชิญเป็นมรดกตกทอดมาจากคนรุ่นเก่า ที่นำสถาบันมาโจมตีกันทางการเมือง ถ้าคนที่เห็นแล้ว เกลียดการกระทำของคนรุ่นใหม่ ต้องตั้งสติให้ดี ว่าเป็นเราคนรุ่นก่อน ดังนั้นนายกคนต่อไป ต้องเป็นนายกฯในระบอบประชาธิปไตยอันมีประมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันดีขึ้น หลัง 14 พ.ค. เราจะร่วมกันวางอิฐก้อนแรกในการเปลี่ยนแปลง



“วันนี้ผมพร้อมเป็นนายกของคนไทยทุกคนในประเทศ ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ ผมก็ยังจะเป็นนายกของท่าน ไม่ว่าวันที่ 14 พ.ค.ท่านจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ผมพร้อมรับใช้ท่าน และผมจะฟังโดยเฉพาะคนเห็นต่างจากผม … และผมจะเป็นนายกที่ดีขึ้นเพราะท่าน ดังนั้น 14 พฤษภา เข้าคู่หากาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เลือกอนาคต อย่าเลือกอดีต เลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกด้วยความกลัว คำตอบสุดท้ายชัดเจน ตรงไปตรงมา ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน และมีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง” นายพิธากล่าว



ระหว่างปราศรัย มีผู้สนับสนุนจะโกน “ส้มรักพ่อๆ “ทำให้นายพิธาตอบกลับทันทีว่า “พ่อก็รัก และพ่อก็รักฟ้า และพ่อก็รักประชาชน” เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอล์



ภายหลังการปราศรัย นายพิธาได้อุ้มน้องพิพิม ลูกสาว ที่มาให้กำลังใจในการปราศรัยขึ้นมาถ้ายรูปบนเวที ทำให้เหล่ากองเชียร์พากันกรี๊ดให้กำลังใจ



และหลังจากปราศรัยเสร็จสิ้น ประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัยได้มีการเปิดแฟลชเป็นรูปทะเลดาว เพื่อบันทึกภาพเป็นที่ระลึก ก่อนที่นายพิธา จะเดินไปพบประชาชนด้านนอกที่โซนสนามฟุตบอล

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ