เลือกตั้งและการเมือง

เมืองปากน้ำแตก “ก้าวไกล” จัดปราศรัยใหญ่สมุทรปราการ คนแห่ฟังหลักหมื่น

โดย kanyapak_w

5 พ.ค. 2566

359 views

เมืองปากน้ำแตก “ก้าวไกล” จัดปราศรัยใหญ่สมุทรปราการ คนแห่ฟังหลักหมื่น ทะลุแซงทุกเวที “พิธา” พาซึ้ง บอกคนปากน้ำสร้างให้ตัวเองเป็นนักการเมือง ลั่น ประชุมพรรคครั้งแรกก็ที่นี่ ขอเปลี่ยนชื่อถนนบางนาตราดเป็นถนนประชาธิปไตย ด้าน “ธนาธร” ชี้ประเทศไทยจะไปไกลว่านี้ต้องแก้โครงสร้าง ลั่น 4 ปีพิสูจน์แล้วกล้าชนกลุ่มทุน ตำรวจ ไอโอ




(5 พ.ค.2566) พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่สมุทรปราการ นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค , นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล , นายเซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 ปีกแรงงาน



บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นเวทีปราศรัยที่มีคนมาฟังมากที่สุดตั้งแต่พรรคก้าวไกลจัด โดยก่อนหน้าทีมงานได้เตรียมเก้าอี้รองรับ 600 ที่ แต่มีประชาชนมารอฟังมากกว่า 10,000 คน



นายธนาธร กล่าวปราศรัย โดยถามผู้ฟังปราศรัยว่าตื่นเต้นหรือไม่เพราะใกล้ถึงวันเลือกตั้งแล้วและอยากรู้หรือไม่ว่าคณะรัฐมนตรีในสมัยน่าจะเป็นอย่างไร ลุงจะได้อยู่ต่อหรือไม่และใครจะเป็นนายก



วันนี้ดีใจมาก คงไม่ต้องพูดถึงนโยบายอีก อีก 10 วันสุดท้ายขอพูดถึงความสำคัญของการเลือกพรรคก้าวไกล ที่ครั้งนี้ใช้คำขวัญว่า “กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” เพราะก้าวไกลอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในสิทธิ์และเสียงของตัวเอง



วิธีการแก้ปัญหาของก้าวไกลแตกต่างจากพรรคอื่น เราไม่เชื่อในการแก้ปัญหาแบบปะผุ หากอยากพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ต้องแก้ที่โครงสร้าง เช่น เรื่องค่าไฟแพง ที่ต้องแก้ระบบผูกขาดกลุ่มทุน ยกเลิกนโยบายที่เอื้อให้กลุ่มทุน ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตออย่างแท้จริง รวมถึงการควบรวมระบบโทรคมนาคม การผูกขาดการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์



นายธนาธรยังกล่าวถึงการแก้ปัญหายาเสพติด ที่จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการปฏิรูปตำรวจ พร้อมยกการอภิปรายวงการตำรวจของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ชี้ให้เห็นว่าตำรวจจะเติบโตในหน้าที่ได้ต้องมีตั๋ว ระบบแบบนี้เอื้อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยใช้ช่องว่างทางกฎหมายเอาเปรียบประชาชน เพื่อแลกตั๋ว ดังนั้นการจะแก้ปัญหายาเสพติดด้วยการจับผู้ค้าไม่ใช่วิธีที่ได้ผล หากจะแก้ได้ต้องปฏิรูปตำรวจ ซึ่งทำได้ไม่ยากหากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายก



4 ปีที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่ากล้าเผชิญกับทุกเรื่อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนทั้งกลุ่มทุน ปฏิรูปตำรวจ ไอโอ แต่ปัญหาที่เลี่ยงไม่ได้คือการเมืองที่เกิดขึ้นในรอบนี้กินเวลาถึง 16 ปี จากการรัฐประหาร 2549 ที่ก่อผลและยังแก้ไม่จบ 17 ปีที่ผ่านมามีการยุบพรรคที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน /กระบวนการนิติรัฐนิติธรรมถูกบิดเบือน ฝ่ายที่มีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด ขณะที่อีกฝ่ายทำอะไรก็ผิดเสมอ /คนที่เรียกร้องประชาธิปไตยถูกคุกคาม ติดคุก หลายคนต้องลี้ภัย-เยาวชนก็ถูกยัดเยียดคดีจากการออกมาแสดงความเห็น



ดังนั้นภารกิจจากรุ่นสู่รุ่นคือการสร้างสังคมที่ดี ลูกหลานควรได้เติบโตในสังคมที่ดีกว่าเรา ไม่มีโอกาสไหนดีกว่านี้ นี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ สำหรับการปฏิรูปกองทัพ หากไม่แก้ต้นตอการทำรัฐประหารก็จะวนเวียนแบบนี้ รู้ว่าแม่ยากแต่ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อลูกหลานไม่ต้องเจอรัฐประหารอีก หากไม่ทำวันนี้จะทำวันไหน พวกเราถากถางมาเท่าไหร่กว่าจะพาสังคมและเปิดหน้าต่างแห่งโอกาสนี้ได้ แล้วเราจะไม่ฉกฉวยโอกาสนี้ไว้หรือ



วันนี้มีตัวเลือกเยอะ เป็นข้อดีของประชาธิปไตย แต่ปัญหาต่างๆจะคลี่คลายถ้ามีนายกชื่อพิธา พรรคก้าวไกลจะทำสองอย่างพร้อมกันทั้งเศรษฐกิจและการเมือง



โดยช่วงท้ายของนายธนาธรปราศรัย นายพิธา เดินทางมาถึงพอดี ได้ขึ้นไปรอบนเวที ทำให้แฟนคลับแห่ส่งเสียงกรี๊ด



จากนั้น นายพิธา กล่าวปราศรัยว่า ปราการแตกแล้ว คลื่นแห่งความหวังมาแล้ว คลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงมาแล้วมั่นใจเหลือเกินว่าคืนเหล่านี้จะส่งให้ผู้สมัครทั้ง 8 เขตชนะการเลือกตั้ง คราวที่แล้วสมุทรปราการมาเป็นที่สอง มาครั้งนี้จะเป็นที่หนึ่งให้ได้ยกจังหวัด ตนขออนุญาตเปลี่ยนชื่อถนนบางนาตราดของสมุทรปราการเป็นถนนแห่งประชาธิปไตย นอกจากนี้จะต้องก้าวไกลทั้งแผ่นดิน



ชาวสมุทรปราการอาจไม่รู้ว่าเพราะทุกคนทำให้ตนเป็นนักการเมืองที่ดีขึ้น ตนขอบคุณมาก



“ตั้งพรรคก้าวไกลครั้งแรกก็ที่สมุทรปราการ ประชุมพรรคครั้งแรกก็ที่สมุทรปราการ ตอนมีโควิด-19 ก็ลงพื้นที่ครั้งแรกที่สมุทรปราการ เลือกตั้งซ่อมครั้งแรกที่สมุทรปราการ รวมถึงการลงพื้นที่ช่วยประชาชนครั้งแรกก็ที่สมุทรปราการ จากเหตุไฟไหม้โรงงานหมิงตี้ ผมเป็นหนี้คนสมุทรปราการหากไม่มีชาวสมุทรปราการผมคงไม่เป็นนักการเมืองมาถึงวันนี้” นายพิธากล่าว



นายพิธา กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ทำให้ได้คุยกับผู้สูงอายุที่สะท้อนเรื่องเบี้ยยังชีพ ที่ลำบากมาก เบี้ยผู้สูงอายุซื้อได้แค่ไข่ต้มฟองเดียว แต่โชคดีที่ตนกินไข่ต้ม 2 ใบ จึงเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนงบกองทัพให้เป็นงบของประชาชน



นายพิธา ยังย้ำจุดยืนว่ามีลุงมีไม่มีเรา และมีเรา ไม่มีลุง และหลังจากนี้จะเป็นการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลงการเมืองแห่งความเป็นไปได้ และความหวัง พอกันที 8 ปีที่มืด 8 ด้าน ปัญหาอันดับหนึ่ง ของชาวสมุทรปราการคือแรงงานที่เข้าไม่ถึงสวัสดิการ



ประการต่อมาที่ต้องได้รับการแก้ไขคือขยะ ต้องขจัดมันออกไป กลิ่นเหม็น ต้องนำกลิ่นความเจริญ ตนเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ พี่น้องชาวสมุทรปราการ ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯแน่นอน ปัญหาต่างๆต้องให้คนสมุทรปราการ คนท้องถิ่นแก้ไข ถ้าวิสัยทัศน์แบบนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนชอบ ให้เอาความกลัวไว้ข้างหลัง เอาความหวังไว้ข้างหน้า เลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เลือกก้าวไกลในวันที่ 14 พ.ค. อีก 9 วัน พรรคก้าวไกลจะไม่แผ่ว มีแต่เร่งๆ สู่อนาคตของพวกเรา






คุณอาจสนใจ

Related News