เลือกตั้งและการเมือง

'อนุทิน' ปราศรัย ขอเป็นสุนัขรับใช้ประชาชน - 'ชูวิทย์' ลั่นจะต้าน พท.หากจับมือ ภท. - 'เศรษฐา' ยันไม่เอากัญชาเสรี

โดย nattachat_c

1 พ.ค. 2566

45 views

เวทีปราศรัย ใต้ทางด่วนลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำ ลงพื้นที่ช่วย นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง ปราศรัย แถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางประชาชน ที่มารับฟังประมาณ 5,000 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการส่งเสียงเชียร์ ตลอดการปราศรัย


นายอนุทิน กล่าวว่า “การเลือกคนของภูมิใจไทยเข้าไปทำงานในสภา ขอสัญญาว่าเราจะเป็นเหมือนสุนัขรับใช้ประชาชน ฟังดูแล้วเหมือนด้อยค่า แต่อย่าลืมว่า คุณสมบัติของสุนัข คือ มันซื่อสัตย์ ภักดี ต่อเจ้านาย ในที่นี้ คือประชาชน เราเข้าไปทำงาน จะไม่มีวันทิ้งท่าน จะทำงานให้พี่น้องประชาชนสุดความสามารถ”

-------------

นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า


นายอนุทินแบไต๋บอกว่า “จับมือได้ทุกขั้ว”


หลังเลือกตั้งคะแนนออก ให้พรรคได้เสียงข้างมากรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน ส่งสัญญาณถึงนายทักษิณให้ลืมอดีตที่ผ่านมากับนายเนวินที่หัก “นายเก่า” ด้วยประโยคติดหู “มันจบแล้วครับนาย”


ข้ามขั้วไปกอดกับนายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น จัดตั้งรัฐบาลให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ 


ส่วนตัวนายเนวินปาดหน้าเค้กงาบเอา “กระทรวงมหาดไทย” และ “กระทรวงคมนาคม” ไปครองชนิดเชิงการเมืองชั้นครูจนได้รับฉายา “ครูใหญ่” จากนั้นสะสมทุนตั้งพรรค “ภูมิใจไทย” ขึ้นมาได้ถึงทุกวันนี้


เลือกตั้งครั้งก่อน ปี 2562 ก็ยังถีบหัวส่งพรรค  “เพื่อไทย” ไปเป็นฝ่ายค้านอยู่ 4 ปีเต็ม ส่วนตัวเองไปร่วมกับ “บิ๊กตู่” ในการจัดตั้งรัฐบาล แค้นนี้คงไม่มีวันลืม เจ็บแล้วต้องจำ


แม้ถึงวันนี้ นายอนุทินจะพร่ำบอกว่า “ให้นายทักษิณลืมอดีต เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะเจ้าคิดเจ้าแค้นไปถึงไหน?” ที่พูดเพราะนายอนุทินได้รับการอบรมจาก “ครูการเมืองชื่อเนวิน” ผู้เป็นโค้ชสอนเชิงมาโดยตลอด


เมื่อเห็นว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำโด่งในทุกโพลล์ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยสาละวันเตี้ยลง จึงงัดกลยุทธ์ขอสมานฉันท์เอาหน้าด้านๆ 


ทีได้เอา ทีเสียก็จะพลิกเอาอีก ตามวิสัยของผู้รับเหมาผสมนักการเมือง ไม่มีอุดมการณ์ใดๆ ไม่มีจุดยืนใดๆ ไม่มีความจริงใดๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เปรียบเสมือนนายอนุทินทำธุรกิจการค้าหากำไรจากการเป็นรัฐบาลอย่างเดียว


จึงขอเตือนนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย หลังผลคะแนนออก มองข้ามช็อตการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล จะต้องให้พรรคภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน โดยนายอนุทินเป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภา “ เพื่อให้เห็นการทำงานเพื่อประชาชนในสถานะฝ่ายค้าน


ภารกิจใหม่ในการต่อต้าน “พรรคภูมิใจไทย” ให้เป็นฝ่ายค้านจะเริ่มขึ้นทันที อันเนื่องมาจากนโยบาย “กัญชาเสรี” ที่ทำร้ายสังคม 


ประชาชนต้องให้ “บทเรียน” แก่พรรคการเมือง ให้ได้รับโทษ เพื่อไม่ให้กระทำการเยี่ยงนี้อีก เป็นตัวอย่างการสร้างเกราะป้องกันตัวให้กับสังคมต่อพรรคการเมือง 


หากพรรคเพื่อไทยไปร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ผมจะขอต่อต้านพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะถือว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้นำเอา “กัญชา” ปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดเข้าสู่สังคม ทำให้เยาวชนเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของกัญชาที่มีขายอย่างเสรีทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนี้ โดยอ้างเอา “กัญชาทางการแพทย์” มาบังหน้า


หากไม่ลงโทษพรรคภูมิใจไทยให้เป็นเยี่ยงอย่าง จะกำเริบเสิบสาน พรรคการเมืองใดกระทำการเช่นนี้อีก นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม ที่นำเอายาเสพติดเข้าสู่สังคมไทย จับเยาวชนไทยเป็นตัวประกัน โดยไม่ได้มีกฎหมายควบคุมเหมือนประเทศอื่นๆ


ต่อต้านกัญชาเสรี ต่อต้านพรรคภูมิใจไทยไม่ให้เป็นรัฐบาล นำกัญชากลับให้เป็นยาเสพติด และให้ใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น


นี่คือคำสัญญาประชาคม จากประชาชนอย่างผม

-------------

วานนี้ (30 เม.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ จ.มหาสารคาม 


กรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาพูดในลักษณะพร้อมจับมือกับพรรคเพื่อไทย และอยากให้ลืมเรื่องราวในอดีตระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และ นายเนวิน ชิดชอบ

นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่วันนี้ ตนเองมีหน้าที่เดินหน้าหาเสียง พยายามทำคะแนนให้ได้มากที่สุด ถึงเวลาผลเลือกตั้งออกมาค่อยว่ากัน ส่วนจะจับมือกับพรรคไหนนั้น นโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องเป็นหลัก ก่อนยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่เอานโยบายกัญชาเสรีเด็ดขาด เอาเพื่อการแพทย์เท่านั้น


เมื่อถามต่อว่า หากพรรคภูมิใจไทยลดเงื่อนไขนโยบายกัญชา ความเป็นไปได้ในการจับมือร่วมกันมีมากน้อยแค่ไหน

นายเศรษฐา ระบุว่า ยังเร็วเกินไปต้องดูตัวเลขหลังเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไรก่อน แต่ยืนยันไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร


การส่งสัญญาณของนายอนุทินในลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องดีหรือไม่

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้ว แต่วันนี้ไม่ใช่เรื่องของสัญญาณ เป็นเรื่องของหลักการมากกว่าว่าจะร่วมกันได้หรือไม่


ส่วนภาพของนายอนุทินที่เคยนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็มองว่าการเมืองก็เป็นเรื่องธรรมมา ตนไม่คิดอะไรมาก

-------------


คุณอาจสนใจ

Related News