เลือกตั้งและการเมือง

'ประวิตร - สันติ' ประสานเสียงจับมือตั้งรัฐบาล รอหลังเลือกตั้ง

โดย nattachat_c

12 เม.ย. 2566

18 views

วานนี้ (11 เม.ย. 66) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ออกมาระบุว่า พรรคพลังประชารัฐจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล หลังการเลือกตั้ง ถือเป็นมติพรรคหรือไม่ ว่า


นายไพบูลย์พูด ก็ต้องไปถามนายไพบูลย์ และขณะนี้ตนยังไม่ได้พบกับนายไพบูลย์เลย เมื่อถามว่า นายไพบูลย์ได้ยืนยันว่าพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว นายสันติกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีผู้ใหญ่หลายคน


เมื่อถามว่า สรุปแล้วเรื่องนี้ยังไม่ใช่มติพรรคใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า “ก็ผมยังไม่ได้ยิน ยังไม่เห็นข่าวเลย เดี๋ยวผมจะคุยกับนายไพบูลย์ว่ามีเหตุมีผลอะไรเกิดจากอะไร”


เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่าหลังการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ สามารถจับมือกับพรรคเพื่อไทย และก้าวไกลได้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ไม่เอาเรื่องส่วนตัว เรื่องการจับมือต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อน หลังการเลือกตั้งค่อยว่ากัน


"ถ้าผลการเลือกตั้งประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐเข้ามาได้ครึ่งหนึ่งเราก็ไม่ต้องจับมือกับใคร ดังนั้นการมาพูดตอนนี้คงยังไม่สามารถพูดอะไรได้ ทุกอย่างรวมหรือไม่รวม หรือจะจับมือกับใคร ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ต้องรอประชาชนเลือกเข้ามาก่อน"


เมื่อถามว่า นายไพบูลย์ ระบุว่าได้พูดกับหัวหน้าพรรคแล้ว นายสันติ กล่าวว่า “จริงหรอ ผมยังไม่เห็นเลย ผมยังไม่ได้ยิน แต่ถ้าหากเรามั่นใจว่าประชาชนจะเลือกผู้สมัครของเราได้เข้ามามากๆ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปรวมกับใครอยู่แล้ว ถามว่าเราอยากรวมหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าไม่อยากรวม แต่ก็ต้องขึ้นกับประชาชน”


เมื่อถามว่าในฐานะเลขาธิการพรรคยังไม่ปิดประตูที่จะจับมือกับใครใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า พูดอะไรไม่ได้หรอก รอหลังการเลือกตั้งก่อน

------------

เมื่อเวลา 15.45 น. วานนี้ (11 เม.ย.) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เปิดให้คณะกรรมการบริหารพรรค รดน้ำอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค


นอกจากนี้ยังให้ผู้สื่อข่าวได้รดน้ำขอพร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ด้วยเช่นกัน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น และพล.อ.ประวิตร ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา พร้อมพูดคุยกับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเองและอวยพรให้สื่อมวลชนทุกคนโชคดี เนื่องในวันสงกรานต์หรือวันปีใหม่ไทย และให้มีความสุข ความสมหวัง และขอให้เลือกพรรคพปชร. เบอร์ 37


พล.อ.ประวิตร ยังฝากถึงประชาชนในการเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 66 ว่า ขอให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้มีแต่ความสุข สมหวังตลอดปีใหม่ ขอให้สำเร็จตามหวังทุกอย่าง


เมื่อถามถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ระบุว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมบอกไปแล้วไงครับว่าต้องรอว่าเราได้คะแนนเสียงเท่าไหร่ เมื่อถามย้ำว่า แต่ดูเหมือนนายไพบูลย์ออกมาปิดประตูแล้วว่าจะไม่ร่วม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “คือนโยบายไม่ตรงกัน” ต่อข้อถามว่า หมายถึงนโยบายเกี่ยวกับมาตรา 112 ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “แล้วมันเป็นนโยบายหรือเปล่า”

------------

เมื่อวันที่ 11 เมษายน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ประกาศไม่ร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ว่าสิ่งที่ไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับ 2 พรรคดังกล่าว เป็นเรื่องที่สังคมรับทราบชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลประกาศนโยบาย แก้ไขมาตรา 112 และพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นชอบ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการที่นโยบายของพรรคการเมืองจะไปแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักรเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ซึ่งกฎหมายมาตรา 112 เป็นกฎหมายในส่วนกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ


นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีกรณีออกนโยบาย ให้เงินในดิจิทัล วอลเล็ตคนละ 10,000 บาท ให้ประชาชนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นการเหวี่ยงแห 54 ล้านคน ถือเป็นการแจกเงิน สะท้อนวิธีคิดของพรรคเพื่อไทยและเมื่อโยงไปกับนโยบายเก่าๆ ของพรรคมักจะออกรูปแบบสุ่มเสี่ยงหรือทำให้เงินมีปัญหา และถ้าเป็นเช่นนั้นหากไปร่วมงานร่วมเป็นคณะรัฐมนตรีคงจะยุ่งไปกันใหญ่ไปไม่ได้

นายไพบูลย์กล่าวย้ำว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เห็นชอบก่อนที่ตนจะออกมาพูด และเรื่องนี้มีการดำเนินการเรื่องดังกล่าวมาหลายปี ตลอดเวลาเราคัดค้านมาตลอด และมีความพยายามในชั้นของสภาที่ยังไม่เหมาะสม และยังลุกลามมาเป็นการเสนอนโยบายของพรรคการเมืองจึงถึงเวลา ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาถกเถียงกัน เป็นความพยายามที่ป้องกันบั่นทอน กัดเซาะให้เกิดความเสื่อมหรือมีปัญหาของสถาบัน มองว่าจงใจหรือมีจุดประสงค์หรือมีเจตนาดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดคุยกัน จึงถือว่าเกินไปเรารับไม่ได้อย่างแน่นอน และพรรคก้าวไกลเป็นเจ้าของเรื่อง ส่วนพรรคเพื่อไทยเพิกเฉยไม่มีการแสดงอาการอะไรแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น จึงอนุมานได้ว่าคนที่นิ่งคือไม่ได้แย้ง

------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/GcFjKwtnIsQ

คุณอาจสนใจ

Related News