เลือกตั้งและการเมือง

'ธนกร' โต้กลับเพื่อไทย โจมตี 'บิ๊กตู่' เก่งแต่แจกเงิน แต่ตัวเองก็ทำ - 'ประยุทธ์' เผยแบงก์ชาติ-การคลัง ห่วงเสถียรภาพการเงิน

โดย nattachat_c

12 เม.ย. 2566

21 views

วานนี้ (11 เม.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ และหัวหน้าคณะทำงานจัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ว่า


“เพิ่งได้ยินแกนนำของพรรคเพื่อไทยที่บอกว่าที่บอกว่าเรื่องเงินดิจิทัล ถ้าใครได้ไปแล้วไม่สามารถไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ได้ ตรงนี้ผมคิดว่ามันต้องคิดหลายอย่าง ซึ่งในอดีต ที่ผ่านมาท่านโจมตี พล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอดว่า เก่งแต่แจกเงิน ทุกเช้า กลางวันเย็น ก่อนนอน แต่วันนี้ท่านมาดำเนินการซึ่งมากกว่า ใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตมีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้การใช้นโยบายสุดโต่งในการหาเสียงแบบนี้


ผมเชื่อว่าวันนี้ ประชาชนเป็นคนฉลาด ท่านจะทราบดีว่า นโยบายตรงไหนหาเสียงแล้วทำไม่ได้หรือทำได้ วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างคิดว่าประชาชนน่าจะกังวล และเชื่อว่าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดมา 3 ข้อ เรื่องที่มาของเงิน ประโยชน์ และความคุ้มค่า


แต่ข้อที่ 3 เงินดิจิทัล ต้องระมัดระวัง ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายตรงนี้ คิดว่าตอบสังคมไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงเรื่องวินัยการเงินการคลัง และ นักการธนาคารได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ดังนั้นเชื่อว่า เป็นนโยบายสุดโต่งหาเสียงมากเกินไป


เรามีประเทศตัวอย่างที่ล่มสลาย อย่างประเทศเวเนซุเอลา ประเทศประชานิยมสุดโต่งประเทศก็พังไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้ อยากให้คนไทยได้ตั้งสติได้ตั้งสติ และทบทวนในสิ่งที่พรรค พรรคการเมืองบางพรรคเสนอนโยบาย แต่นโยบายของพรรค รทสช. ทำได้จริง และทำสำเร็จไปแล้วหลายนโยบาย และคิดว่าประชาชนเข้าใจในสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำมาตลอด


แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยออกนโยบายมา มีสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 4 กิโลเมตร หรือการใช้ระบบ ผมฟังแล้วยังสับสน ขณะที่โครงการของรัฐบาลใช้สำเร็จมาแล้วกระตุ้นเศรษฐกิจจริง


แต่นโยบายของท่านในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท แจกทุกคน หมายความว่าเจ้าสัวก็ได้ก็ได้ด้วย มันเป็นตรรกะที่ไม่ตอบโจทย์ประชาชนและประเทศ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทบทวนนโยบายเหล่านี้”

-------------

วานนี้ (11 เม.ย.) พรรครวมไทยสร้างชาติ ออกคำสั่งแต่งตั้งสมาชิกพรรค ให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จำนวน 4 คน


ประกอบด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น นายธนกร วังบุญคงชนะ นายอนุชา บูรพชัยศรี และนายเสกสกล อัตราวงศ์ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จัดการภารกิจของพรรค และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปโดยเรียบร้อย


โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 24 มีนาคม 2566 ลงนามโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

-------------

วานนี้ (11 เม.ย. 66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานเกี่ยวกับกับเศรษฐกิจ 4 หน่วยงาน คือ สถาพัฒน์ฯ, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), แบงก์ชาติ และสำนักงบประมาณ มารายงานเรื่องเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. ถึงนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ของพรรคเพื่อไทย ว่า


วันนี้หน่วยงาน ด้านเศรษฐกิจก็ได้มาชี้แจงในคณะรัฐมนตรีเรื่องวินัยการเงินการคลังของประเทศ แต่ตนไม่ได้อยากไปยุ่งกับใคร เพราะเป็นเรื่องการหาเสียงของแต่ละพรรค แต่สำหรับการใช้จ่ายเงิน ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาใช้จ่าย เพื่อไปให้ถึงผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ จะเห็นได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนไปได้พอสมควร ส่วนงบประมาณปี 2567 ได้มีการตั้งไว้แล้ว แต่ถ้าจำเป็นแก้ก็ต้องไปแก้ในสภาฯ


อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวมเศรษฐกิจวันนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะร่ำรวย แต่หมายถึงสถานะทางการเงินของประเทศแข็งแกร่งมากขึ้น เห็นได้ชัดจากการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินมาเข้ามาหลาย 10 ล้านคน มีเที่ยวบินเข้ามาหลายเที่ยวบินในช่วง Low season และยังมีการลงทุน ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง วันนี้จำเป็นต้องพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมรายได้นำมาตอบสนองความต้องการของประชาชน และ อะไรที่ทำมากกว่าเดิมสิ่งเคยทำอะไรก็จะศูนย์เปล่า และไม่รู้ว่าจะคุ้มค่ากับสิ่งที่เคยทำไว้หรือไม่ ขอให้ประชาชนช่วยกันคิด

ขณะที่ กระทรวงการคลังขอให้ระมัดระวังเรื่องสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ แต่ขณะนี้ถือว่าหลายอย่างดีขึ้นบริหารจัดการได้ดี แต่อาจจะยังไม่เป็นที่พอใจของประชาชนขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาและระมัดระวังให้มากที่สุด


การจะทำอะไรใหม่ๆ ก็ตามจะต้องคำนึงถึงว่าเรามีทรัพยากรอยู่เท่าไหร่ เราจะดูแลใครได้บ้างและดูแลได้มากน้อยแค่ไหน ฉะนั้น การจะทำอะไรต่างๆ ก็ตามถ้ามันมากเกินไปสิ่งที่ทำอยู่แล้วเดิมก็สูญเสียไปทั้งหมดนั่นแหละ อะไรที่เคยได้มันก็จะไม่ได้ เพราะไปทำเรื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันจะคุ้มค่ากันหรือเปล่ากับการสูญเสียไป ก็ไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องช่วยกันคิดแล้วกัน


เมื่อถามว่าธนาคารแห่งประเทศและกระทรวงการคลังมีข้อเสนอแนะหรือมีข้อห่วงใยอะไรหรือไม่ในเรื่องดังกล่าว นายกฯกล่าวว่า ขอให้ระมัดระวังเรื่องความมีเสถียรภาพของสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งตอนนี้เราอยู่ในระดับต้นๆ ที่รักษามาตรฐานตรงนี้ไว้ได้ องค์กรทางด้านการเงินระหว่างประเทศชื่นชมเราสามารถบริหารจัดการได้ดี การเงินเรามีเสถียรภาพ ค่าเงินบาทยังโอเคมีค่าอยู่ หลายๆ อย่างมันดีขึ้น เพียงแต่ว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับประชาชนโดยรวม ก็ต้องเห็นใจรัฐบาลด้วย ถ้ามีเราก็รู้ดูแลให้ได้หมด อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งต้องระมัดระวังที่สุดในการใช้จ่ายเงิน

----------

วานนี้ (11 เม.ย.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงนโยบายของพรรคการเมืองจะต้องชี้แจงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกนโยบายหรือไม่ ว่า ไม่ต้องทุกนโยบาย เพราะบางอย่างเขาพูดไปเองก่อนได้ แต่บางอย่างที่มีข้อสงสัยเข้าข่ายจะผิดกฏหมาย ทางกกต.ก็ถามกลับมา เพราะต้องแจ้ง กกต. ถึงแหล่งเงินที่จะใช้ และยอดเงินรวมทั้งหมดที่จะใช้


เมื่อถามว่า ดูแล้วนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเป็นภาระงบประมาณหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรายังชี้อะไรไม่ได้ เจ้าของนโยบายต้องชี้แจงกับกกต.


เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเจ้าของนโยบายชี้แจงกับกกต.แล้ว จะต้องออกเป็นกฎหมายใหม่ หรือสามารถเกลี่ยงบประมาณเดิมที่มีอยู่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าเขาคิด เขาทำอย่างไร และไม่รู้ว่าเขาเอาเงินมาจากไหน


ซึ่งที่ประชุมครม.วันนี้ได้มีการชี้แจงโดยคณะกรรมการเศรษฐกิจการคลังว่า งบประมาณปี 67 กำลังออกนั้น หลังจากที่หักงบประจำ งบเงินเดือน งบผูกพันและงบใช้จ่ายหนี้เงินกู้ ยังเหลือวงเงินที่มาบริหารจัดการโครงการใดก็ได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท เว้นแต่ว่าถ้าเก็บภาษีได้เพิ่มโดยอัศจรรย์ หรือได้มาโดยวิธีอื่น ยอดเงินทั้งหมดของงบประมาณที่เตรียมไว้ที่ทำเสร็จแล้ว รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาปรับปรุงแน่ และจะจัดการอย่างไรก็จะจัดการกับเงิน 2 แสนล้านบาทนี้


เมื่อถามว่า แปลว่าถ้าเขาจะทำนโยบายโดยใช้เงิน 5 แสนล้านบาท จะต้องกู้มาใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ตนพูดไม่ถูก เพราะตนไม่รู้

----------

นายอนุชา บูรพชัยศรี แถลงว่า สำนักงบประมาณ งบประมาณตอนนี้ที่ตั้งไว้ และจะเอาเข้าสภา คือ 3.335 ล้านล้านบาท


  • งบประจำ งบตามสิทธิ์ งบผูกพัน รวม 2.9 ล้านล้าน
  • งบลงทุน 4 แสนล้าน 
  • หักงบอื่นๆ ออกแล้วจะเหลือ 220,000 ล้านบาท


นายอนุชา ได้กล่าวอีกว่า จากการประชุมหน่วยงานเกี่ยวกับกับเศรษฐกิจ 4 หน่วยงาน ได้บอกว่าตอนนี้นโยบายของประเทศ ทำให้มีเสถียรภาพทางการเงินการคลังถูกต้องแล้ว 

----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/6j-BHDakN-w

คุณอาจสนใจ

Related News