กระทรวงการต่างประเทศ ประกาศวันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 24 เม.ย.ถึง 5 พ.ค. นี้

กต. ประกาศวันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร 24 เม.ย.ถึง 5 พ.ค. นี้ พร้อมชวนคนไทยในต่างแดนลงทะเบียน 9 มี.ค. บัตรประชาชนหมดอายุก็ลงได้ แนะตรวจดูความคืบหน้าได้ผ่านเว็บไซต์สถานทูตเป็นหลัก ตั้งเป้าคนใช้สิทธิมากกว่าเดิม



29 มี.ค.2566 กระทรวงการต่างประเทศ นำโดยนางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายณรงค์ บุญเสถียรวงศ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยมีประเด็นสำคัญคือความคืบหน้าเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร



นายณรงค์ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ว่ากระทรวงการต่างประเทศขอเชิญชวนคนไทยนอกราชอาณาจักรลงทะเบียนเลือกตั้ง ซึ่งในช่วงระหว่าง 15 มีนาคมถึง 9 เมษายน เป็นช่วงการลงทะเบียน ซึ่งสถิติล่าสุดมีคนไทยลงทะเบียนแล้ว 24,005 คน โดยประเทศที่มียอดลงทะเบียนสูงสุด ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอณาจักร ญี่ปุ่น เยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีคนไทยอยู่จำนวนมาก

ทั้งนี้ ในหลายประเทศอาจมีอุปสรรคเรื่องบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือที่อยู่ที่ห่างไกลสถานทูต กระทรวงการต่างประเทศจึงมีช่องทางให้ลงทะเบียน 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์กระทรวงมหาดไทย โดยสิ่งที่ต้องใช้ลงทะเบียน ได้แก่บัตรประชาชน และหนังสือเดินทาง ซึ่งบัตรประชาชน หากหมดอายุก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่หนังสือเดินทางต้องไม่หมดอายุ



ส่วนกรณีที่เอกสารหมดอายุ สามารถส่งไปรษณีย์ โทรศัพท์ หรือเดินทางมาที่สถานทูตด้วยตนเองหรือมอบอำนาจก็ได้ โดยส่งสำเนาเอกสารแสดงตนที่เป็นเอกสารราชการออกให้ โดยคนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ตนย้ำว่าครั้งนี้ต้องลงทะเบียนใหม่



ส่วนรูปแบบการลงคะแนน สถานทูต สถานกงศุลจะเป็นผู้กำหนดตามสภาพแวดล้อมของแต่ละประเทศ ซึ่งตามระเบียบ กกต. จะมีขึ้นในวันที่ 24 เมษายนถึง 5 พฤษภาคม โดยต้องจัดการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 12 วัน ก่อนวันเลือกตั้งในประเทศ เนื่องจากต้องส่งบัตรเลือกตั้งกลับมาให้ทัน



“บางประเทศสภาพแวดล้อมอาจจะจัดได้แค่แบบคูหา เพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย บางประเทศมีพี่น้องแรงงานไทยเยอะ ก็สามารถออกโมบายยูนิตช่วยไปตามแคมป์คนงาน ดังนั้นต้องเรียนว่าเป็นความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่” นายณรงค์กล่าว



ส่วนระบบที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ตรวจสอบทุกขั้นตอนในการเลือกตั้ง เพื่อการันตีว่าบัตรเลือกตั้งจะมาถึง นายณรงค์ กล่าวว่าครั้งนี้ ได้ทำระบบติดตามภายในสถานทูตทุกแห่ง เพื่อให้การดำเนินการถูกต้องตามช่วงเวลาว่าช่วงเวลาไหนควรทำขั้นตอนไหน



เมื่อถามว่านับคะแนนเสียงจากต่างประเทศได้หรือไม่ นายณรงค์ กล่าวว่า เท่าที่เคยพูดคุยกับ กกต. ต้องกลับมานับที่ กทม. เนื่องจากปัจจัยด้านความพร้อม นอกจากนี้ กกต.ยังให้ข้อคิดเห็นว่า หากเขตที่มีผู้ลงคะแนนเพียงคนเดียว การนับที่ต่างประเทศอาจจะไม่ใช่ความลับ



นายณรงค์ ย้ำว่า สถานทูต สถานกงศุลทุกแห่งเตรียมความพร้อมเต็มที่ ทุกคนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมาก ทั้งนี้สามารถติดตามจากเว็บไซต์ของสถานทูตเป็นช่องทางหลัก หรืออาจจะติดตามผ่านแอปพลิเคชั่นสมาร์ทโหวตจากทาง กกต.ได้



โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องบูรณาการ 4 หน่วยงานได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กกต. กระทรวงมหาดไทย และไปรษณีย์ไทย ซึ่งหารือไปแล้วตั้งแต่ต้นปีถึงการดำเนินการ และจะมีการประชุมอีกครั้งพรุ่งนี้ ตอนนี้ได้ส่งเครื่องมือต่างๆ ทั้งหีบบัตรเลือกตั้ง สายรัดหีบ และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการอบรมเจ้าหน้าที่กรมการกงศุลในวันที่ 31 มีนาคมนี้ หวังว่าครั้งนี้จะมากกว่า 100,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าเดิม