เลือกตั้งและการเมือง

‘ชูวิทย์’ ลั่นสู้ไม่ถอย หมาลอบกัดพร้อมกัดตอบ ซัด ‘ทนายตั้ม’ ถ้าพูดพาดพิง ฟ้องกรรมละ 100 ล้าน

โดย petchpawee_k

28 มี.ค. 2566

12 views

‘ชูวิทย์’ เผย มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปาก ”ใครฟ้องมาผมก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมายพร้อมสู้ทุกทาง “สู้ไม่ค่อยถอย” ฝากบอกหมาลอบกัดพร้อมจะกัดตอบ ลั่น “กูไม่กลัวมึง“ ด้าน ‘ทนายอนันต์ชัย’ เผย ‘ชูวิทย์’ จะไม่ออกมาตอบโต้ทนายตั้ม อีก ไม่ได้กลัวแต่ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน ขู่พูดพาดพิงจะฟ้องกรรมละ 100 ล้าน จ่อร้องสอบมารยาททนายความ


เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ได้ข่าวว่าพี่ชูวิทย์จะมาสำนักงาน Sittra Law Firm ตอนผมแถลงข่าววันนี้ ฝ่ายอาคารสอบถามว่าจะอนุญาตให้ขึ้นมาไหม ผมตอบไปว่าให้ขึ้นมาได้เลย Sittra Law Firm ยินดีต้อนรับ แต่อย่ามาท้าตีท้าต่อยกัน พูดกันด้วยเหตุผลนะครับพี่ชูวิทย์”


ทนายตั้ม ได้ไปเขียนเพิ่มเติมในช่องคอมเม้นต์ว่า “เรื่องเงิน 300,000 บาท วันนี้ผมจะตอบนะครับ ลองฟังเหตุผลของผมบ้าง” // ทั้งนี้มีคนคอมเม้นต์ถามว่า “แถลงข่าววันนี้จะเก็บค่าแถลงสามแสนกับใครครับคุณทนาย” ซึ่งทนายตั้มตอบคอมเม้นต์ว่า “ถ้าพี่ชูวิทย์มาจะส่งบิลไปเก็บกับพี่ชูวิทย์นั่นแหละ”


ขณะที่นายชูวิทย์ ได้แชร์โพสต์ของทนายตั้ม พร้อมเขียนข้อความว่า “เที่ยวนี้ไม่มีค่าแถลงข่าวใช่ไหม? ถึงต้องอ้างว่าผมจะไปบุก เพื่อเรียกสื่อ ผมอยู่ที่ศาลคดีสันธนะ ผู้สื่อข่าวทุกคนอย่าไปหลงกลครับ”


นายชูวิทย์ ยังได้เขียนข้อความเพิ่มเติมในช่องคอมเม้นต์ว่า “วันนี้มาศาลคดีสันธนะ ไม่ว่างไปเล่นกับเด็กเมื่อวานซืนหากอยากพบ ไปเจอกันที่ศาลครับ อย่าหลอกผู้สื่อข่าว” พร้อมโพสต์ภาพหมายข่าวที่แจ้งสื่อมวลชนว่า “วันจันทร์ วันที่27 มีนาคม 2566 เวลา 08.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง ครั้งที่ 2 ชูวิทย์ฟ้องสันธนะ”


นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังได้เขียนคอมเม้นต์อีก โดยได้โพสต์ภาพข้อความแชตไลน์กลุ่มแจ้งหมายข่าวของทนายตั้มกับสื่อมวลชน ในแชตเป็นข้อความที่ระบุว่า “ฝ่ายอาคารแจ้งมา ผมบอกว่ายินดีให้ขึ้นมาได้ครับ แต่ขออย่าให้ป่วนตอนผมแถลง เดี๋ยวจะเตรียมเก้าอี้ให้ด้วยครับ”// ซึ่งนายชูวิทย์ ได้เขียนข้อความว่า “ทำมาบอกจะเตรียมเก้าอี้ให้นั่ง เตรียมให้ผู้สื่อข่าวก่อนดีกว่าไหม? เขาเหนื่อยไปทำข่าวให้ ยังต้องนั่งพื้นกันจนเขาเสื่อม”


ต่อมานายชูวิทย์ ไปเขียนข้อความใต้โพสต์ของตัวเองว่า “ความเลวคือใช้วิธีพูดให้น่าเชื่อถือ อ้างว่าฝ่ายอาคารมาแจ้ง” //อีกข้อความเขียนว่า “ฝ่ายอาคารถาม ก็ตอบฝ่ายอาคารสิครับ จะมาบอกสื่อทำไม?”

---------------------------------------------

ขณะที่ วานนี้ (27 มี.ค.) เวลา 08.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง พร้อมทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เดินทางไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ หลังศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง ครั้งที่ 2 กรณีนายชูวิทย์ ฟ้องนายสันธนะ ประยูรรัตน์อดีตตำรวจสันติบาล ที่มีการแอบถ่ายภายในห้องน้ำโรงแรม เดอะเดวิส ว่ามีการมั่วสุมยาเสพติดและเปิดเกินเวลา


โดยนายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่าการใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เมื่อมีอาชีพทนายก็ต้องใช้กฎหมาย เมื่อมีคนเดือดร้อนเงินเขาถ้าไปคิดเงินเขาตอนแถลงข่าว 3 แสนบาท มันไม่มีโจทก์ไม่มี มันไม่มีโจทก์ไม่มีจำเลย ตัวเองก็ไม่มีหลักฐานนั่นแปลว่าคุณพูดฝ่ายเดียวหรือไม่ ตนไม่คิดว่าทนายความจะคิดเงินค่าแถลงข่าว ดังนั้นสมาคมทนายความหรือสื่อมวลชนควรจะพิจารณา


นายชูวิทย์ ยังระบุว่า เป็นทนายความต้องใช้ความสามารถ ต้องใช้หลักฐาน ใช้พยานแต่ปรากฏว่าฝ่ายอีกฝ่ายใช้การแถลงข่าว นั่นไม่ใช่วิถีของทนายความ โดยอย่างยิ่งบอกว่าตัวเองเป็นทนายประชาชน ส่วนเงินบริจาคจำนวน 6 ล้านบาท ที่ทางโรงพยาบาลคืนมา อยากให้ติดตามว่าวันนี้ (28 มี.ค.)จะเอาไปให้ใคร


“ตอนนี้มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปากผม มีทั้งทนาย พวกหิวแสง นักร้องเรียน ใครฟ้องมาผมก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมาย ผมพร้อมสู้ทุกทาง เวลาสู้ก็จะสู้ไม่ถอยเหมือนกัน ฝากไปบอกหมาลอบกัด ผมพร้อมจะกัดตอบ” และชี้นิ้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดันกระแทกเสียงว่า “กูไม่กลัวมึง”


ผู้สื่อข่าวถามคุณชูวิทย์ อยากพูดอะไรอีกมั้ย เพราะจากนี้จะไม่ตอบโต้ยทนายตั้มอีก นายชูวิทย์ กล่าวว่า “พรุ่งนี้ (28 มี.ค.) คุณเจอผมกองเงิน 6 ล้าน ผมจะเอาไปที่ไหนเอาไปทำอะไรรอติดตาม คุณคุยกับผมพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้ที่ศาล คุณอยากจะเปิดอะไร อยากจะพูดอะไรพูดเลย แต่ผมมีวัตถุประสงค์เดียวในการทำงานชิ้นนี้ ผมยืนยันทำงานให้สังคม เงินล้าน 2 ล้าน 5 ล้าน 10 ล้าน ไม่มีความหมายหรอกสำหรับผม แต่สำหรับคนบางคนอาจจะมีความหมายก็เรียกค่าแถลงข่าว ผมก็ไม่รู้ว่าทนายเดี๋ยวนี้มันเรียกค่าแถลงข่าวกันได้ อย่าช็อกละกันว่าผมเอาเงินไปไหน”


ขณะที่ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า กรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้ออกมาแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ในลักษณะที่กล่าวหาว่าคุณชูวิทย์ ได้เรียกรับเงินจากเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ที่ชื่อสารวัตรซัว เป็นเงิน 10 ล้านบาท ไม่ใช่ 6 ล้านบาท และมีการกล่าวหาว่า มีการรับเงินกับนายแทนไท อีกทั้งกล่าวหาว่า กล่องดวงใจของนายชูวิทย์คือลูกชายของนายชูวิทย์ รับเงินดิจิตัล จำนวน 50 ล้านบาท จากเว็บพนันออนไลน์


ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ขอแยกเป็น 3 ประเด็นที่จะให้สัมภาษณ์วันนี้

1. การแถลงข่าวและการให้สัมภาษณ์ของทนายตั้ม หมิ่นประมาทหรือไม่

2. ผิดมรรยาททนายความหรือไม่

3. ชูวิทย์มีความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่


ประเด็นที่ 1 การกระทำจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อ. มาตรา 326 และ328 หรือไม่  ต้องพิจารณาภาพรวมที่ผู้ใส่ความกล่าวเช่น สถานที่ เวลา และโอกาสรวมทั้งประเด็นปัญหาและเป้าหมายที่ผู้กล่าวใส่ความต้องการสื่อถึงผู้รับฟังคำพูดนั้นประกอบกัน  


กรณีนี้เห็นว่าการที่ทนายตั้ม แถลงข่าวในลักษณะที่กล่าวหาคุณชูวิทย์ ทำนองว่าเหตุที่ออกมาแฉเรื่องผิดกฎหมายเพราะหวังให้พวกกระทำผิดกฎหมายมาหา เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ และกล่าวหาใส่ความว่าคุณชูวิทย์รับเงินเพื่อไม่ให้เปิดโปงสารวัตรซัว จำนวน 10 ล้านบาทไม่ใช่ 6 ล้านบาท (จำนวนเงินมากน้อยเท่าใดไม่ใช่ประเด็น)


และกล่าวหาว่ากล่องดวงใจ หมายถึงบุตรชายของคุณชูวิทย์รับเงินดิจิตอล จำนวน 50 ล้านบาท และมีการเรียกรับผลประโยช์เรื่อยๆ ซึ่งเป็นการกล่าวในช่วงเวลาที่คุณชูวิทย์แถลงหรือให้สัมภาษณ์เปิดโปงการกระทำโดยมิชอบของสารวัตรซัว โดยมุ่งหมาย Discredit ลดความน่าเชื่อถือ สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงของคุณชูวิทย์ และบุตรชาย การแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ของทนายตั๊ม เข้าข่ายน่าจะเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328


ทนายอนันต์ชัย กล่าวต่อไปอีกว่า หากยังจำกันได้ คุณชูวิทย์ เคยออกมาประกาศผ่านสื่อมวลชนว่า เงินรางวัล 5 % รางวัลนำจับยึดทรัพย์คดียาเสพติด จะนำไปบริจาคให้ รพ.เพราะมีเงินใช้มากพออยู่แล้ว คุณชูวิทย์ จึงไม่มีความจำเป็นหรืออยากได้เงินอีกแต่อย่างใด การที่ออกมาประกาศว่าการเปิดโปงทุจริตต่างๆ ครั้งนี้ เพราะว่าเห็นการทุจริตคอรัปชั่นต่างๆ มากมาย ที่ทำให้สังคมไทยเน่าเฟะมานานแล้ว ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ เห็นว่าทนายตั้ม ตอนนี้ร่ำรวยมาก เลยจะฟ้องเรียกค่าเสียต่อชื่อเสียงสัก 100 ล้านบาท


ประเด็นที่ 2 การกระทำของทนายตั้ม เป็นการให้สัมภาษณ์และแถลงข่าวโดยไม่กลั่นกรองข้อเท็จจริงตามวิสัยของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความโดยทั่วไป มีลักษณะชี้ช่องส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีโดยไม่มีมูลความจริง ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 ข้อ 9 “กระทำการอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกันในกรณีอันหามูลมิได้” มีโทษสูงสุดต้องถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ ดังนั้นการกระทำของทนายตั้ม น่าจะมีความผิดมรรยาททนายความ ซึ่งจะมีการร้องสภาทนายความต่อไปแน่นอน


 ประเด็นที่ 3 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เป็นพระราชบัญญัติที่มีโทษทางอาญาผู้ที่จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ได้จะต้องกระทำโดยเจตนาด้วย กล่าวคือ รู้ว่าเงินนั้นเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐาน หรือความผิดฐานฟอกเงิน แล้วตนรับโอน ซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มา หรือครอบครอง หรือใช้เงินนั้นโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ตามคำนิยามของคำว่า “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด” มาตรา3 และความผิดฐานฟอกเงินตาม มาตรา 5


แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ คุณชูวิทย์ไม่รู้ และไม่มีเหตุอันควรรู้ว่า เงินที่มีผู้นำมาให้นั้นเป็น “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” จึงขาดเจตนา คุณชูวิทย์ไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน ตรงกันข้ามที่ทนายตั้ม กล่าวหรือชี้ช่องว่า จะดำเนินคดีฟอกเงินกับคุณชูวิทย์นั้น เท่ากับทนายตั้ม ยอมรับข้อเท็จจริงแล้วว่า เงินที่นำมาให้คุณชูวิทย์เพื่อปิดปากมิให้แถลงข่าวเปิดโปงสารวัตรซัวนั้นเป็นเงินสกปรก เป็น “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” บุคคลที่ทนายตั้มกล่าวถึงหรือเจ้าของเงินนั้น จึงเป็นผู้ครอบครองใช้เงิน รวมทั้งปกปิดแหล่งที่มาของเงิน ครบองค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5(1) (2) (3 ) แล้ว บุคคลนั้นๆ ต้องถูกดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน


อย่างไรก็ตาม นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณชูวิทย์ จะไม่ออกมาตอบโต้ทนายตั้มอีก ไม่ใช่กลัวนะครับ แต่ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน คุณชูวิทย์ จะใช้กระบวนการยุติธรรม คือ ศาลพิสูจน์ข้อเท็จจริง และหากทนายตั้มมีการแถลงข่าว หรือให้สัมภาษณ์ใดๆ ในลักษณะใส่ความให้คุณชูวิทย์ ได้รับความเสียหายอีก คุณชูวิทย์ ก็จะใช้สิทธิทางศาลทั้งทางอาญาและทางแพ่ง และจะฟ้องเรียกค่าเสียหายทุกครั้งไป กรรมละ 100 ล้านบาท


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/j-FX3Rwk2z8

คุณอาจสนใจ

Related News