เลือกตั้งและการเมือง

แจงทุกปม! ‘ชูวิทย์’ แถลงตอกกลับ ‘ทนายตั้ม’ ถาม ‘รับงานใครมา’ ยันไม่เคยรับ 50 ล้าน ท้ามีหลักฐานก็เปิดเลย

โดย petchpawee_k

24 มี.ค. 2566

38 views

‘ชูวิทย์’ โต้กลับ ‘ทนายตั้ม’ “รับงานใครมา”  ยันรับเงินจาก ‘สารวัตรซัว’ แค่ 6 ล้าน ให้หยุดแฉเพื่ออยากจะเปิด‘ลาลิซ่า’ บริจาคให้ รพ.ทั้งหมด  ปมที่ดินไม่ได้โกงใครมา โอดถูกรุมสู้เรื่องสังคมแต่ถูกพูดถึงแต่เรื่องส่วนตัว ให้สังคมตัดสินเป็นโรบินฮู้ดจอมปลอมหรือไม่  ลั่น! มวยคนละชั้น “คิดจะทำลายแต่ทำลายผมไม่ได้”


วานนี้ (23 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเดอะเดวิส ซอยสุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงโต้กลับกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กล่าวหาตนเองว่าเรียกรับเงินจากแก๊งทำเว็บพนันออนไลน์และธุรกิจผิดกฎหมาย  เป็นโรบินฮู้ดจอมปลอมไถมากกว่า 6 ล้าน แบ่งเงินไปทำบุญ ปล้นโจรแบบคิดค่า GP ได้หน้าได้เงิน


โดยนายชูวิทย์ ได้อุ้มพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมให้สัตย์ว่า “สิ่งที่ผมพูดวันนี้หากผิดจากสิ่งที่ผมพูดไปขอให้ฟ้าดินลงโทษผม ให้ผมวิบัติ ให้ผมชิบหายขอให้ไม่มีความสุขความเจริญ แต่ถ้าผมพูดสิ่งใดเป็นความจริง เป็นความจริงเท่านั้น ความจริงหนึ่งเดียวก็ขอให้ผมเจริญ ขอให้ผมจัดการสิ่งที่ผมตั้งใจได้สมเจตนารมย์”


พร้อมแสดงเชิงสัญลักษณ์โดยการนำเหรียญมาหยอดใส่ตาชั่ง บอก “ความยุติธรรม ท่านตัดสินผมได้เลย แต่ความยุติธรรมนั้นอาจจะไม่มีจริง อาจจะเป็นเงิน สิ่งที่ผมจะแถลงวันนี้เพื่อให้เห็นว่า ผมได้กระทำสิ่งใด วันนี้ผมพูดมีทุกๆ  คนรุมผม แต่ไม่เป็นไร ผมยินดีที่จะตอบ ทนายตั้มผิดหวังผมไม่เป็นไร เพราะผมไม่ได้ต้องการให้ทนายตั้ม มานิยมชมชอบผม มีคนรักคนเกลียดไม่เป็นบไรทั้งสิ้น”


จากนั้นนายชูวิทย์ แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ประการแรก ทนายตั้ม นำข้อมูลจากนายเปา (นายจิราวัฒน์ โพธิสุวรรณ) เป็นหลานที่ตนเลี้ยงมาตีนเท่าฝ่าหอย เด็กคนนี้ไม่มีพ่อแม่ มีคนนำมาฝากผม ผมเลี้ยงดูดั่งลูกผม โดยส่งให้ไปเรียนโรงเรียน ภปร. จนจบ กระทั่งผมติดคุก จึงให้นายเปา ไปเก็บเงินค่าเช่าคอนโดฯ ของตน ตนติดคุก 10 เดือนกว่า นายเปาอ้างว่าเก็บเงินๆไม่ได้ จริงๆ ทุกคนให้หมด นายเปาหมกไว้ เมื่อตนอออกจากคุกจึงต่อว่าให้เอาเงินมาคืน ต่อมานายเปา ขอลาออกไปทำงานกับสารวัตรซัว โดยที่ตนไม่รู้เหตุผลเพราะเรียนโรงเรียนเดียวกัน


“เรื่องนี้ทนายตั้มฟังจากเปา พูดง่าย ๆ เป็นคนเนรคุณผม ประเด็นเรื่องเงินดิจิทัล 50 ล้านบาท ผมไม่เคยได้รับ ถ้า 50 ล้าน มาจากแทนไท ถามว่าผมได้พบมั้ย ผมได้พบโดยมีอดีตนายตำรวจคนหนึ่ง พามาหาที่โรงแรมแห่งนี้ ผมจำได้ว่านายแทนไท บอกว่าไปหาพี่สนธิ ผมเตือนว่าเอ็งคิดจะฟ้องพี่สนธิ คิดผิดแล้ว ถ้าคิดจะฟ้องเขาอย่าฟ้องดีกว่า คุยกันที่โรงแรมเปิดเผย มาเวลากลางวัน”


 “ผมไม่รู้ว่านายตำรวจคนนี้พานายแทนไท ไปหาพี่สนธิด้วยหรือเปล่า นายแทนไท บอกไปหาพี่สนธิ แต่พี่สนธิไม่เชื่อว่าประกอบอาชีพสุจริต นั่นคือสิ่งที่ผมคุยกันในประเด็นวันนั้น เงินทอง เงินดิจิทัล ไปตรวจได้เลยว่ากล่องดวงใจ (นายเติม) ลูกชายผมทุกคนมีกิน 50 ล้านยืนยันว่าไม่มี เมื่อคุณพูดก็ขอให้คุณเอาหลักฐานมา ไปตรวจสอบได้เลย”


“ประเด็นเรื่องเงินในถุง 2 ถุง ผมยืนยันถุงละ 3 ล้าน มีนายตำรวจที่ไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว 1 คน ชื่อย่อ อ. ยศ พล.ต.ต. ยังรับราชการอยู่/อีกคนชื่อย่อ ป. ยศ พล.ต.ท. เกษียณอายุแล้ว บุคคลนี้ผมรู้จักมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ทำอาบอบนวด ทั้งสองมาพบผม พร้อมนำเงินมาบอกว่าเงินทั้งหมด 2 ถุง 6 ล้าน ยืนยันต่อหน้าพระผมได้รับ 6 ล้าน ผมบอกพี่ผมไม่เอานะ ผมรับเคลียร์ไม่ได้ เอาเงินกลับไป ไม่ไม่ยอมเอากลับยัดเยียดให้ผม ผมจึงบอกว่าถ้าให้มาอย่างนี้ผมคงต้งอเอาไปทำอย่างอื่นแล้ว เอาไว้ไม่ได้ เขาบอกแล้วแต่ชูวิทย์” ซึ่งอ้างว่าเป็นเงินของนายซัว มาให้ตน ให้หยุดแฉ เพื่ออยากจะเปิด‘ลาลิซ่า’


ตนนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ 3 ล้าน เมื่อวันที่ 14 ก.พ.66 /และ โรงพยาบาลศิริราช 3 ล้าน ในวันที่ 15 มี.ค. 66 ที่ไม่นำไปให้ตั้งแต่แรกเพราะนัดหมอแต่หมอไม่ว่าง / ถ้า 50 ล้าน ตนเก็บไว้เองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปบริจาคก็ได้/ หรือถ้าตนได้ 10 ล้าน ทำไมตนต้องเก็บ 4 ล้าน แล้วเอาไปบริจาค 6 ล้าน/ ทำไมตนไม่บริจาค 4 ล้าน เก็บไว้  6 ล้าน  


ตนเก็บไว้บางส่วนหรือไม่ก็บอกมาถ้ามีหลักฐาน เป็นประเด็นที่สังคมต้องตัดสินโรบินฮู้ดอย่างผม ผมปล้นเงินหรือไม่ได้ปล้น ตนไม่มีทางออกจึงจำเป็นต้องนำเงินไปบริจาค “ผมคิดว่าเงินเอามาให้แบบนี้กูซวยแล้ว” ถ้าตนนำเงินไปให้ ปปง. ก็จะเป็นการไปแจ้งว่ามีเงินมาให้ตน แต่คิดว่าการให้ ปปง. ไม่มีประโยชน์ จึงนำไปบริจาค


นายชูวิทย์ กล่าวว่า “นี่คือปัญหาว่าทนายตั้ม รับงานมาจากใคร มาโจมตีผมในขณะนี้ ในขณะที่เครื่องร้อน ขณะที่ผมพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ ก็มีทั้งพี่สนธิเล่นผม มีทนายตั้ม มีสันธนะ มีทั้งศรีสุวรรณ ใครต่อใครรุมผม แต่คุณฟังผมดีๆ งานนี้ผมตั้งใจและเต็มใจที่จะสู้ เมื่อเปิดหน้าชกแล้ว ย่อมมีคนที่รุมผม แต่ผมไม่กลัวคนรุม การรับเงินนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สีเทามาหาผม ยอมรับว่ามีสีเทามาหาผมจริง ผมไม่ได้รับแม้แต่รายเดียว”


ประเด็นที่ทนายตั้ม ถามว่าทำไมไม่แฉแทนไท นายชูวิทย์ กล่าวว่า “แทนไทข้อมูลน้อยมาก นายแทนไทได้แปลงร่างไปทำธุรกิจที่ถูกต้อง สิ่งที่ผมพูดพูดได้แค่ส่วนหนึ่ง แทนไท เคยมาหาผมพร้อมกับอดีตนายตำรวจคนหนึ่ง เพื่อมาปรึกษาตน ไม่ได้เอาเงินให้ผมแม้แต่บาทเดียว /กรณีทุนจีนเรื่องไปถึงศาล มีคนมาติดต่อกับเคลียร์ ผมไม่จำเป็นต้องมาพูด


ส่วนเรื่องที่ดินสุขุมวิท ซอย 10 ว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องตน สั่งจำคุกทนาย 1 คน ต่อมาศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกตน 5 ปี ตลอด 12 ปี ของการต่อสู้คดี ตนไม่เคยใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงนี้ไปทำมาหากิน ให้ประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์มีเวลา เปิด-ปิด ติดป้ายบอกด้วยว่าเป็นที่ดินส่วนตัว เรื่องที่ดินแทนที่จะเห็นใจตน ตลอด 12 ปี ไม่เคยทำประโยชน์ ทำไปทำมาจะยึดที่ดินไปด้วย มันมากเกินไปหรือไม่ ขนาดหน้าบ้านเศรษฐียังห้ามไม่ให้คนกลับรถ


“ที่ดินแปลงผมซื้อมา 500 ล้าน ตอนนี้มูลค่ามหาศาล ผมสู้คดี 12 ปี ไม่เคยใช่ประโยชน์ ติดคุกออกมา ความผิดจบสิ้นไปแล้ว ผิดด้วยหรือที่ผมจะทำประโยชน์ในที่ดิน มันมีด้วยหรือลดโทษด้วยการแลกที่ดิน ในกระบวนการกฎหมายทำได้หรือ ผมยอมรับว่าไปรื้อถอน แต่ที่ดินผมไม่ได้โกงใครมา ไม่ได้ทุจริตมา เมื่อพ้นโทษจะยึดของผมเลยหรือ ในคำพิพากษาศาลก็บอกไว้ว่าหลังเกิดเหตุผมได้ร่วมกับจำเลยชดให้ผู้เสียหายพอใจแล้ว และ 12 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้นำที่ดินพิพาทไปทำธุรกิจแสวงหากำไร จึงกำหนดโทษใหม่ที่เหมาะสมที่ดินแปลงนี้ ผมเสียภาษีปีละกว่า 2.2 ล้าน”


นายชูวิทย์ ถามย้ำ “ที่แถลงไปทนายตั้มรับเงินจากใคร คุณรับงานจากใครมา ตัวตนคุณต้องมี อุดมการณ์คุณต้องมี การที่สีเทาหรือใครนำเงินมาให้ผม ถ้าผมเก็บเงินนั้นไว้ ผมไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ แต่เงินนั้นผมรีบเอาไปบริจาคตามถุงนั้นแหละ ไม่กล้าใช้ บาทเดียวไม่ใช้  ตอนนี้คุณก็มาพูดจาก 6 ล้าน เป็น 10 ล้าน ถ้าเป็น 10 ล้าน ผมเก็บไว้ทั้ง 10 ล้าน ไม่ดีเหรอ แต่การที่ผมนำไปบริจาค 6 ล้าน ในถุงมี 3 ล้าน”


“การที่ผมบอกไม่เอาแล้วเขายัดเยียดให้ในสถานการณ์นั้น จะให้ผมทำยังไง เอาเงินปาไปเลยดีมั้ย วิธีทางออกคือนำเงินไปบริจาคจะได้หมดเรื่องหมดราว ผมคิด 3 วัน 3 คืน ว่าจะทำยังไงกับเงินก้อนนี้ เงิน 6 ล้านไม่มีค่าสำหรับผมหรอก 10 ล้าน 20 ล้าน 50 ล้าน ก็ไม่มีค่าสำหรับผม ผมมีทรัพย์สินมากกว่านี้เยอะ เรื่องนี้ชัดเจนเอาเงินมาปิดปากผม เห็นว่าผมก็ไม่ได้ปิดปากได้”


นายชูวิทย์ ระบุว่า “ผมรู้สึกว่าต้องมานั่งแก้ตัวในสิ่งที่ผมทำ สิ่งที่ทนายตั้มพูด บางส่วนถูก บางส่วนผิด แต่มีวัตถุประสงค์อะไรในการมาพูดตอนนี้ผมไม่ทราบ ผมไม่จำเป็นต้องไปตอบโต้ทนายตั้ม แต่สิ่งที่ผมพูดทุก ๆ คำ เป็นข้อเท็จจริง”

นายชูวิทย์ ยอมรับว่าเคยโทรศัพท์ไปหาทนายตั้ม กรณีที่ทนายตั้ม ออกมาแฉความสัมพันธ์ของอดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีคลิปลับกับหญิงสาวรายหนึ่ง เนื่องจากตนตั้งข้อสังเกตว่า คนแก่อายุกว่า 80 ปี จะไปหลอกเด็กได้อย่างไร มีแต่เด็กที่หลอกคนแก่ จนล่าสุดตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้ดำเนินคดีกับครอบครัวของหญิงสาว ส่วนเหตุที่ตนโทรไปทนายต้ั้ม เพราะตนมีประสบการณ์มองโลกได้มากกว่า


จากนั้นนายชูวิทย์ ตอบสื่อว่า “นายเปา ผมไม่ถือว่าเป็นหลานแล้ว มันไม่เคยติดต่อผม เมื่อมันเลือกไอ้ซัว แทนเลือกผม มันเลือกอนาคตแทนที่จะมองเห็นอดีตว่าผมเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต ทุกวันนี้นายซัว มีรถกับเงินให้ ทราบภายหลังว่านายเปา ถือหุ้นใหญ่ ลาลิซ่า อาบอบนวด ที่มีเจ้าของบ่อน เสี่ยกำพล ร่วมกับนายซัว ร่วมกันเปิด /ยอมรับเป็นหลานเนรคุณ ผมต้องโกรธ โกรธจนเอาเป็นเอาตายไม่ใช่เรื่อง แต่นายซัว ดันเอาคนทรยศผมไปอยู่ด้วย มาทำร้ายคนมีพระคุณ วันนี้ถือว่าเราต้องตัดกัน”


นอกจากนี้นายชูวิทย์ ระบุว่า “ในสิ่งที่ผมกระทำ ถ้าผมกระทำผิดหรือกระทำนอกเหนือผมยอมรับ ทนายตั้ม ผมเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อคุณพูดทุกๆ อย่าง ถ้าถูกต้องผมยอมรับ แต่ถามว่าใครทำแบบผมบ้าง ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ผมทำถูกนะ แต่สังคมต้องตัดสินว่าผมเป็นโรบินฮู้ด เป็นนักบุญใจบาป เป็นคนนำเงินบาปไปให้ช่วยเหลือผิดหรือไม่ ผมไม่เคยบอกว่าผมเป็นคนดี ไม่เคยบอกเป็นฮีโร่ ผมสู้ในประเด็นสังคมแต่คุณเอาเรื่องส่วนตัวผมทั้งนั้น เล่นผมไม่ได้ก็เล่นลูกผม”


ฝากถึงทนายตั้ม “การที่ทนายตั้มได้ข้อมูลมาฝั่งเดียว ถ้าแน่จริงทนายตั้มโทรหาผมได้ครับ พี่ชูวิทย์จริงมั้ยเรื่องอย่างงี้ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาโจมตี ไม่เป็นจำเป็นต้องเอามาพูด  ปั้นหลักฐานเพิ่มขึ้นมาว่า 50 ล้าน อย่างงั้นอย่างงี้ เอามาให้ตรงนี้ 6 ล้าน ผมก็เอาไปให้ 6 ล้าน คุณบอกมี 10 ล้าน ก็ผมไม่มี”


นักข่าวถามว่า นอกจากภาพถุงเงินที่ทนายตั้ม นำมาโชว์ คิดว่าทนายตั้ม จะมีหลักฐานอื่นอีกมั้ย นายชูวิทย์ ตอบว่า “ดีครับ ถ้ามีก็รีบเปิดเลย ยินดี ผมเป็นคนตั้งใจทำอะไรแล้ว ตั้งใจทำจริง ถ้าทนายตั้มมีหลักฐานก๊อก 2 ก๊อก 3 ก็ต้องเปิดละครับ มาจนป่านนี้แล้วไม่มีปัญหาครับ คุณเปิดได้เลย ผมก็ไม่ได้โกรธหรอก แต่ผมก็ยังสงสัยว่าอยู่ๆ ทนายตั้มรับงานใครมาเพื่อมาทิ่มผม ไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน การพูดเรื่องนี้ผมก็ชี้แจงได้ ”


เมื่อถามว่ากลัวมั้ยถ้าทนายตั้ม จะไปร้องตำรวจสอบสวนกลาง นายชูวิทย์ ตอบว่า “จริงๆ มันต้องส่งนะ แต่ผมยืนยันไม่ฟ้องหรอก เดี๋ยวจะหาว่าผมฟ้องปิดปาก ทนายตั้ม ยินดีที่คุณจะไปร้อง แต่พฤติการณ์คุณ ผมสงสัยทำไมคุณถึงมาเล่นงานผมในเวลานี้ เรื่องเงินดิจิทัลผมคิดว่าชี้แจงแทนได้เลย ผมยืนยันรับผิดชอบแทนลูกผมทุกคน”


 “ข้อมูลที่ทนายตั้มนำมาแฉ ไม่มีทางรู้เองหรอก อาจจะเป็นไอ้เปา หรือจะเป็นใคร แต่วิจารณญาณของคนที่จะพูดจะแฉ คุณบอกผิดหวัง คุณจะผิดหวังได้ยังไง ในเมื่อคุณยังไม่เคยคุยกับผมเลย ผมได้รับเงินมาเท่าคุณจะทราบได้ยังไง ในเมื่อคุณฟังความจากเขา คุณสามารถโทรหาผมได้ ยกเว้นว่าคุณไม่โทรหาและตั้งใจจะทำลาย พอดีผมเป็นของแข็ง คุณทำลายผมไม่ได้ใช่มั้ย คุณคิดว่าจะทำลายผมได้แต่ทำลายผมไม่ได้ เงินต่าง ๆ ผมยืนยันได้ว่ามีมา 2 ถุงๆ 3 ล้าน ถ้าผมได้รับมากกว่านี้ ผมก็จะเอาไปบริจาคมากกว่านี้”


นายชูวิทย์ ระบุว่า “ถ้าทนายตั้มได้คุยกับผม ผมก็สามารถชี้แจงได้ ทนายตั้มกับผมถ้าเปรียบเทียบเชิงมวยกัน ทนายตั้มแค่ไลท์เวทของผมมันเฮฟวีเวท มวยคนละชั้น” ในอนาคตหากจะร่วมแฉโครงการทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้มกับตนก็ยินดี ไม่ว่าใครทั้งนั้นถ้าเป็นประโยนช์ของประชาชน แต่ทนายตั้ม ได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/91CfKE51JfU

คุณอาจสนใจ

Related News