เลือกตั้งและการเมือง

'ชูวิทย์' รณรงค์ต้านกัญชาเสรี-ไม่เลือกพรรคบ้ากัญชา 'อนุทิน' มอง พรรคมีราคา เลยถูกด้อยค่า

โดย passamon_a

22 มี.ค. 2566

139 views

'ชูวิทย์' แจกเสื้อ สติ๊กเกอร์ เข็มกลัด ต่อต้านกัญชาเสรี คนเดียวก็จะสู้ต้องทำลายวัฏจักรวงจรอุบาทว์ ออกนโยบายอำพรางกินค่าคอมมิชชั่นงบประมาณโครงการ เผยจะรณรงค์ให้ภูมิใจไทยเป็นพรรคฝ่ายค้าน ฝากถาม "พรรคภูเขาทองหรือกองขี้หมา" ลั่น! จะปั้นพายุสึนามิให้คลื่นพายุกลืนกินพรรคที่ทุจริต-ซื้อตัว อวยพรวันเกิด 'บิ๊กตู่' ขอให้มีความสุข ทำงาน 8 ปี แล้วควรพักผ่อน


เมื่อวันที่ 21 มี.ค.66 เวลา 12.00 น. ที่หน้าปากซอยสีลม 5 หรือซอยละลายทรัพย์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ยังคงเดินหน้าต่อต้านพรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการยุบสภา โดยมีการตั้งป้ายไวนิล "ยกเลิกกัญชาเสรี พ่อแม่ทุกคนเห็นด้วย โปรดอย่าเลือกพรรคบ้ากัญชา" และมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่สนับสนุน เข้าแถวยาวเบียดเสียดลงชื่อรับบัตรคิว เพื่อรับแจกเสื้อยืด No Corruption, สติ๊กเกอร์, เข็มกลัด ต่อต้านกัญชาเสรี


ทันทีที่นายชูวิทย์ เดินทางมาถึง ระบุว่า กิจกรรมครั้งนี้เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนที่เห็นด้วยกับการไม่สนับสนุนนโยบายกัญชา โปรดอย่าเลือกพรรคบ้ากัญชา ซึ่งนายชูวิทย์ ได้ถามประชาชนที่มารอรับเสื้อว่า เห็นด้วยหรือไม่ ประชาชนตอบกลับว่า ไม่เห็นด้วย


จากนั้นนายชูวิทย์ ได้เปิดเพลงเดินรณรงค์ แจกสติ๊กเกอร์ และเข็ดกลัด ภายในตลาดซอยละลายทรัพย์ โดยมีประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ และพ่อค้าแม่ค้าขอรับเข็มกลัดจำนวนมาก เชิญชวนประชาชน "เรามาต่อต้านกัญชาร่วมกัน ไม่เอากัญชา" พร้อมพูดว่า "ไอ้หนูมึงเดินให้สุด คะแนนมึงจะตกจะร่วง ในกรุงเทพไม่มีทางถึงหมื่น คะแนนเขตตกหมด หัดไปเป็นฝ่ายค้านบ้างไปรวมกับก้าวไกล"


จากนั้นนายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแดงแถลงข่าว โดยบอกว่า ภารกิจของตนเองได้เริ่มอย่างเป็นทางการแล้วทันทีหลังยุบสภา เพื่อต่อต้านพรรคที่นำกัญชาเข้ามาในสังคมไทย เหตุผลที่เลือกมาสีลมเพราะมีประชาชนจำนวนมาก วันนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนไม่ได้เอานโยบายกัญชาและจะเดินหน้าเรียกร้องให้เอากัญชากลับเข้าสู่บัญชีทางการแพทย์


ทั้งนี้นายชูวิทย์ อธิบายเหตุผลถึงการต่อต้านพรรคที่มีนโยบายกัญชา ประการแรก "มีพรรคการเมืองต่าง ๆ พรรคไหนที่ซื้อ ส.ส.มากที่สุด ซื้อกล้วยมากที่สุด และเอาคนมาสังกัดมากที่สุด ขอตั้งคำถามว่า คุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินส่วนตัว หรือเงินทำธุรกิจหรือไม่ ก็ไม่ใช่แต่เอาเงินมาจากการเมือง ดังนั้นต้องทำลายวัฏจักรวงจรอุบาทว์นี้ จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องเดินสายรณรงค์ เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองซึ่งอาศัยเงินทุนไปซื้อตัวในสภา เพื่อมาสังกัดพรรคตัวเอง และหวังว่าจะกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่เพื่อกลับมาลงทุนกับตัวเองที่จ่ายเงินไป"


ส่วนเหตุผลที่สองที่ต้องออกมารณรงค์ เพราะนโยบายต่าง ๆ ที่เอาออกมาใช้ล้วนเป็นนโยบายอำพราง ที่ออกนโยบายไป แล้วกินค่าคอมมิชชั่นจากงบประมาณโครงการต่าง ๆ


ประการที่สาม การที่พรรคการเมืองนำเอากัญชาเข้ามาในสังคม โดยไม่ระมัดระวังล้วนทำให้สังคม ครอบครัวเดือดร้อน ไม่มีที่ไหนในโลกขายกัญชาเสรีเหมือนประเทศไทย ตนมองว่าบรรดาหมอต่าง ๆ ในกระทรวงสาธารณสุข ก็ควรลาออกไปไม่ควรมาเป็นหมออีก เพราะว่าไม่มีจริยธรรมความเป็นแพทย์หลงเหลืออยู่แล้ว ทั้งนี้ข้อเสนอควรเอากัญชากลับไปอยู่ในบัญชายาเสพติด และอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น


นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า "หลายคนถามว่าทำไมเพิ่งต่อต้าน ก็เพราะตนเองเพิ่งเห็นพิษร้ายแรงในสังคม เด็กและเยาวชนได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเองจะรณรงค์ให้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกับพรรคก้าวไกล มั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ 2 พรรครวมกันได้ ส.ส. ไม่เกิน 100 คน"


และการออกมาต่อต้านกัญชาเสรี วันนี้ (21 มี.ค.) เป็นวันแรก ก็ไม่ได้ตัดเรื่องการเมืองออก แต่เอาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นมาพูด และตนเองมีเวลาเหลือไม่เยอะเหลือแค่ 45-60 วัน ที่จะเดินสายรณรงค์ "และหลังเลือกตั้งเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล ตนเองก็จะไปรณรงค์ เพื่อไม่ให้พรรคใดพรรคหนึ่งเข้ามาใช้ทุนในการครอบงำและหากินโดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมจะต้องไม่ให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมองว่าเป็นพรรครับเหมา มาเอากระทรวงคมนาคมไปอีก"


ทั้งนี้ภาคประชาชนก็จะเป็นคนกำหนดทิศทางไม่ใช่พรรคการเมือง ประชาชนอย่างเราจะกำหนดทิศทางรัฐบาลในสมัยหน้า อะไรไม่เหมาะสมจะออกไปรรณงค์และร้องเรียน และการเป็นพรรคการเมืองไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นรัฐบาลเสมอไป


ส่วนกรณีที่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่า พรรคเป็นภูเขาทองนั้น นายชูวิทย์ ระบุว่า "ฝากถามทีว่าภูเขาทองหรือกองขี้หมา คนทั้งพรรค แต่ผมสู้คนเดียวผมก็จะสู้ การซุกหุ้น ซุกที่ ซุกป่า เอากัญชาเข้ามา ถ้าตนเองไม่ออกมาค้านไปสอด 30,000 ล้าน คงไปไหนถึงไหนแล้ว"


นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า จะเดินสายรณรงค์ไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ส่วนจะไปเริ่มเมื่อไรนั้น ก็รอให้ประกาศ พ.ร.บ.เลือกตั้งก่อน แต่ในวันจับเบอร์ของพรรคการเมืองและผู้สมัครฯ ตนเองจะไปที่นั่นก่อนแน่นอน เพื่อไปรณรงค์สาปแช่งขอให้วิบัติ สำหรับใครที่โกงกินงบประมาณ คอรัปชั่น และหากใครโกงก็ขอให้พังสูญไปจากการเมืองไทย


ส่วนในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ตนเองจะเดินทางไปที่สนามกีฬาทรูสเตเดี้ยม ม.ธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อรับชมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก คู่ แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วย โดยตนเองจะไปยืนเชียร์และไปแจกรณรงค์ No Corruption ด้วย


นายชูวิทย์ ย้ำว่า "การรณรงค์วันแรก ถือว่าได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ยืนยันการต่อสู้ครั้งนี้ จะสู้แบบเต็มความสามารถและจะปั้นพายุสึนามิ ก่อนวันหมาหอน เพื่อให้คลื่นพายุกลืนกิน พรรคที่ทุจริต พรรคที่ซื้อตัว พรรคที่เอาเงินซื้อได้ทุกอย่าง"


ช่วงท้ายการแถลง นายชูวิทย์ ได้อวยพร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องในวันเกิดว่า "ท่านทำงานเพื่อบ้านเมืองมามากแล้ว ระยะเวลา 8 ปี ผมแนะนำให้ท่านควรพักผ่อน ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว เพราะระยะเวลา 8 ปีที่ท่านทำ อำนาจมหาศาลตกอยู่ในมือท่าน ณ วันที่ท่านมีอำนาจควรจะจัดการปัญหาต่าง ๆ ของประเทศไทย แต่วันเวลาต่าง ๆ เหล่านั้นล้วนผ่านไปไม่ย้อนกลับมาอีกแล้ว ดังนั้นวันนี้ผมแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอให้ท่านมาความสุข และให้ท่านตรองไว้ 3 คำ ฝากไว้ให้ท่านพิจารณาดู ท่านควรจะพูดคำว่า 'ผมพอแล้ว' ควรทำพอแล้ว ท่านทำมาก 8 ปี แล้วให้คนอื่นทำบ้าง ถึงเวลาที่ท่านต้องพักผ่อนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ดูด้วยสายตาแล้วท่านคงมีแผนพิเศษในใจ"


ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการยุบสภา ว่า พรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมในการเลือกตั้ง และเราเตรียมมานานแล้ว จากนี้ก็มีแต่จะเร่งสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน ที่ผ่านมา มีการบอกว่า เราดำเนินการเพื่อไปเป็นพรรคตัวแปร แล้วร่วมรัฐบาล ขอบอกว่า ถ้าคิดแบบนั้น เรามีแค่ 30-40 เสียง ก็ได้แล้ว ไม่ต้องตั้งใจจะเอามากมาย แต่พรรคและหัวหน้าพรรค มองว่า นอกจากโอกาสทำงาน เราต้องพาประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรือง อย่างมั่นคง มีความปรองดอง อันนี้สำคัญ และเป็นความโดดเด่นของพรรคเราด้วย เราต้องนำทั้งฝ่ายอนุรักษ์ และฝ่ายประชาธิปไตย มาร่วมมือกัน เดินหน้าพัฒนาประเทศ


"เราต้องสร้างให้พี่น้องประชาชนแข็งแรงก่อน ถ้าฐานมันแข็งแรง ส่วนอื่น ๆ ก็แข็งแรง ถ้าฐานอ่อนแอ มันก็พังทั้งหมด ตอนนี้ ประชาชน ต้องหาทางให้อยู่ดี กิน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เราเลยมีนโยบายพักหนี้ 3 ปี ไม่เกิน 1 ล้านบาท เราเลยมีนโยบายเกษตรร่ำรวย เพื่อช่วยเหลือประชาชน"


ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงจำนวน ส.ส.ที่พรรคจะได้รับ นายอนุทิน ย้ำว่า น่าจะถึง 100 เสียง ปัจจุบันมีประมาณ 75 ที่นั่ง เป้าของเราไป 100 แล้วตอนนี้ เมื่อถามย้ำถึงตัวเลข 70 ที่นั่ง นายอนุทิน ย้ำว่า อันนั้นเป็นข้อมูลของโพลทั่วไป แต่เป้าของเราต้องแตะหลัก 100


เมื่อถามว่า แล้วจะเลือกใครเป็นนายกฯ นายอนุทิน ตอบว่า ต้องรอหลังเลือกตั้ง แล้วหารือกัน มันมีปัจจัยจำนวนมากให้ต้องคิด ทั้งเสียง ส.ส. ที่แต่ละพรรคจะได้ ทั้งท่าทีของ ส.ว.


เมื่อถามว่าการโจมตีทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับพรรคภูมิใจไทย กระทบกับคะแนนเสียงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ผมมองว่าพรรคเรามีราคา ก็ต้องถูกด้อยค่า แค่นั้นเอง แต่เราไม่ไปสู้นะ ลุยหาเสียง สร้างความไว้ใจกับประชาชนดีกว่า การที่เรามาหยุดโต้ตอบ มันอาจจะทำให้เราพลาดลงพื้นที่ไป 10-20 ตำบล แล้วเรื่องที่เขาพูด มันก็ชัดอยู่แล้ว ว่าไม่เป็นความจริง อย่างเรื่องเงินเข้าธนาคาร 30,000 ล้านบาท มันเป็นไปได้ที่ไหน เงินเข้ามาขนาดนี้ ถูกตรวจสอบตาย แล้วมาบอกว่ามีทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม นี่ก็เป็นไปไม่ได้ เรื่องยังไม่ผ่าน ครม.เลย กาลเวลาจะพิสูจน์เอง"


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/OVGSZbneKD8

คุณอาจสนใจ

Related News