เลือกตั้งและการเมือง

'บิ๊กตู่' ยันสัมพันธ์พี่น้อง 'บิ๊กป้อม' ยัวะถูกมองจ้องทำรัฐประหาร พร้อมถามกลับขัดแย้งอะไร

โดย weerawit_c

10 มี.ค. 2566

25 views

วานนี้ (9 มี.ค.66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.ครั้งที่ 2/2566 โดยก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายกรัฐมนตรีได้ ทักสื่อมวลชนว่าทำไมเหลือน้อยกันจังเลย ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ตอบกลับว่า มีบางส่วนไปตามพรรคการเมืองหาเสียง นายกรัฐมนตรีจึงถามกลับว่า ทำไมถึงไม่ไปกับเขา ซึ่งสื่อมวลชนได้ตอบกลับว่าสื่อมวลชนที่เหลืออยู่ รอไปลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณสื่อมวลชน



ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าการอนุมัติงบต่างๆในช่วงนี้เป็นการทิ้งทวนเพื่อหาเสียงการเลือกตั้ง ทั้งค่าป่วยการอสม. และค่าตอบแทนสมาชิกอบต. ใช่หรือไม่ ว่า เรื่องนี้มีมานานแล้ว และเป็นข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาล ที่เสนอเข้ามา ซึ่งเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณเป็นเรื่องของวันข้างหน้า ที่ต้องจัดหางบประมาณให้เพียงพอ โดยจะเป็นการใช้งบประมาณปี 2567 ที่ต้องมีการเสนอแผนการใช้จ่ายของงบประมาณปี 2567 ซึ่งจะต้องเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งหนึ่ง เป็นไปตามหลักการ พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้ทำให้ใคร แต่เป็นการทำให้ประชาชนด้วยกัน ซึ่งต้องไปดูปริมาณงานของเขาและความเหน็ดเหนื่อย



ส่วนในนามนายกรัฐมนตรีมองบรรยากาศการหาเสียงขณะนี้อย่างไรนั้น พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า ทุกคนหาเสียงในสิ่งที่ตัวเองจะทำในวันข้างหน้า ตนไม่อยากไปเกี่ยวข้อง เพราะต่างคนต่างหาเสียง ซึ่งในส่วนในนามพรรรครวมไทยสร้างชาติตนเคยบอกไปแล้วว่าต้องระมัดระวัง จะทำให้เกิดภาระปัญหาในวันข้างหน้า เราแก้มานานแล้วหลายเรื่องดีขึ้น หากกลับไปที่เก่าทั้งหมดก็มีปัญหา



ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าได้อ่านจดหมายฉบับที่ 5 ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในนามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คแล้วว่า ใครจะเขียนก็เขียนได้ทั้งนั้น คิดเอาเองแล้วกัน



เมื่อถามย้ำว่าข้อความของพลเอกประวิตร หลายฉบับมีการกล่าวย้อนถึงการถึงเหตุการณ์รัฐประหาร นายกรัฐมนตรีมีท่าทีที่หงุดหงิดรำคาญ ก่อนที่จะกล่าวว่า "เลิก เขาทำรัฐประหารปีไหนมาแล้วหา ผมมายืนอยู่ตรงนี้ มายืนด้วยอะไร รัฐธรรมนูญ ระบบรัฐสภาฯไม่ใช่หรือ ช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ลองดูสิว่า ถ้าไม่มีอะไรที่ทำให้ความขัดแย้งลดลง มันจะเกิดอะไรขึ้นถึงวันนี้ เราจะยืนอยู่แบบนี้ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย"



เมื่อถามต่อว่าบรรยากาศบ้านเมืองในขณะนี้จะไม่มีอะไรแบบนั้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เพียงแต่ว่าประชาชนทุกคนต้องคิด ว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้วนะ ทุกอย่างจะพัฒนาได้ ประเทศนี้ต้องมีความสงบเรียบร้อยมีความสุข ไม่มีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้น อย่ากลับไปที่เดิมอีกเลย



ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจดหมายของพลเอกประวิตร มักเขียนย้อนถึงการกระทำรัฐประหาร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็แล้วแต่ท่าน และเมื่อถามต่อว่า หากพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี โอกาสการรัฐประหารจะเกิดขึ้นอีกครั้ง หากอีกฝ่ายได้เป็นรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า "ใครจะทำรัฐประหาร แล้วใครจะทำ ใครจะทำผมถาม" และเมื่อสื่อฯถามย้ำอีกว่า จะเกิดรัฐประหารอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า " ผมเคยผม พูดไปตั้งนานแล้วว่า ครั้งสุดท้ายแล้ว มันไม่ควรจะมีอะไรได้อีกแล้ว มันอยู่ที่พวกเรานั่นแหละ จะช่วยกันได้อย่างไร ถ้าขัดแย้งรุนแรงกัน ผมก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยอะไร"



เมื่อถามอีกว่าจากนี้ไปจะเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีย้อนถามกลับทันทีว่า แล้ววันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยหรือ" ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าหมายถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายกรัฐมนตรี จึงระบุว่า ก็ประชาธิปไตยไง ให้ทุกคนพยายามรักษากฎกติกา กฎหมายมีอยู่ทุกตัว



ส่วนที่มีการนำเหตุการณ์รัฐประหาร มาพูดจะเป็นการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีในช่วงการเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มาในรูปแบบนี้ รวมไปถึงการเลือกตั้งในสมัยหน้านายกรัฐมนตรีก็ลงสนามการเมือง พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า สื่อฯก็ถามแบบนี้อยู่แล้ว แน่นอนเขาต้องดิสเครดิตเราอยู่แล้ว ก็อธิบายชี้แจงไปหลายครั้งแล้วในสภาฯตนก็พูด พ่อไปคิดเอาเองแล้วกัน



เมื่ออีกว่าวันนี้มองว่าพลเอกประวิตรเปลี่ยนไปหรือไม่ในทางการเมือง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เขาก็เป็นพี่ผมเหมือนเดิม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าเปลี่ยนไปในการสื่อสารทางการเมือง พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า มีคนช่วยท่านเยอะอยู่แล้ว ส่วนจะมาจากคนรอบข้างหรือไม่ ตนไม่รู้ไม่ทราบ



เมื่อสื่อมวลชนถามย้ำว่า จากข้อความในจดหมายเป็นตัวตนของพลเอกประวิตรใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำคำเดิมว่า ไม่ทราบ ไม่ทราบ ไม่รู้



ส่วนที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงสนามการเมือง ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ระบุว่า ผมไม่ได้ไปแข่งอะไรกับท่าน สิ่งที่ผมพูดถึงคือการให้มองภาพใหญ่ของรัฐบาลในขณะนี้ ทุกคนเก่งหมด หลายคนอาจมองว่าตนไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ ตนอยู่มาหลายปีแล้ว ก็ศึกษา มีคนเก่งๆช่วยงานเป็นร้อย



เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ มองว่าพรรคการเมืองใดเป็นคู่แข่งตัวจริง พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกพรรคละมั้ง ทุกพรรคแข่งกันหมด



ส่วนพลเอกประวิตร ชูจุดขายก้าวข้ามความขัดแย้ง นายกรัฐมนตรีย้อนถามกลับทันทีว่า แล้วมันขัดแย้งกันตรงไหนตอนนี้ ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า มีการแบ่งขั้วทางการเมือง นายกรัฐมนตรี ถึงกับเค้นเสียง พร้อมกับกล่าวว่าแบ่งขั้วอะไร ผมไม่เห็นมีขั้วอะไรสักขั้ว ก่อนที่จะถอนหายใจพร้อมข่มอารมณ์ว่า เหอะ คิดกันไปเองหมดเน๊าะ พร้อมขอสื่อมวลชนอย่าไปสร้างความสับสนอลหม่านมาก ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาแล้วนำมาขยายหมด ก็มีแต่เรื่องนั่นแหละ



ผมจะไม่พูดอะไรเรื่องพวกนี้ จบไปแล้ว ก็ให้มันจบไป ของเก่าคือของเก่า วันนี้ไปเดินหน้าประเทศกันเถอะ ท่ามกลางความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศชาติไม่ดีกว่าหรือ ผมก็คิดแค่นี้แหละ ที่ผ่านมาผมก็คิดแบบนี้มาตลอด ก่อนที่จะระบุว่าความขัดแย้งมันไม่มี มันขัดแย้งตรงไหน ไม่เห็นมีอะไรขัดแย้งกันทั้งสิ้น ความเห็นต่าง โอเค ผมรับได้ ความขัดแย้งมันต้องต่อยตีกัน หรือทำอะไรกันสักอย่าง ทุกคนทราบดีกันอยู่แล้ว หลายปีที่ผ่านมาอย่าให้มันเกิดขึ้นอีกเลย



เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหมือนนายกรัฐมนตรีอยู่ในกติกาแต่มีคนพยายามลากออกมานอกกติกา นายกรัฐมนตรี ตอบแบบทันควันว่า เรื่องอะไรจะให้เขาลากออกไปล่ะ ผมก็อยู่ในกติกาของผม ของประชาธิปไตย วันนี้ต่างประเทศประเมินจัดลำดับเรื่องประชาธิปไตยของไทยดีขึ้น ขอให้ไปดูตรงนั้น โลกเขาลงคะแนนมาแล้ว ให้คะแนนสูงขึ้น แล้วบอกเราไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน



จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินออกจากจุดสัมภาษณ์ไปยังต้นพุดพิชญา และก้มไปดมที่ดอกพุด พร้อมกับกล่าวถึงอาการเจ็บมือมาก ขณะนี้ยังให้ยาปฏิชีวนะทุกวัน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าแล้วจะไปหาเสียงอย่างไร รัฐมนตรีจึงใช้มือขวาชี้ที่หน้าอกบอกข้างซ้ายเบาๆ พร้อมกับกล่าวว่าก็ไปด้วยใจ และเดินเข้ายังตึกไทยคู่ฟ้าในทันที



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/4oVTkSwv2Dc

คุณอาจสนใจ

Related News