เลือกตั้งและการเมือง

สธ. โต้กลับเดือด 'ชูวิทย์' อย่าคิดเอา 'บุหรี่ไฟฟ้า' เทียบ 'กัญชา' ชี้มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย

โดย weerawit_c

27 ก.พ. 2566

36 views

จากกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนักธุรกิจกลางคืน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หัวข้อ “กัญชา พี้เพื่อชาติ!” ระบุว่า...กัญชา พี้เพื่อชาติ


อนุทินทำเป็นห่วงเด็กเยาวชนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า แต่ทีกัญชาพี้กันทั้งบ้านทั้งเมืองไม่ห่วงหรือไง? แล้วบุหรี่ไฟฟ้ากับกัญชาอะไรมันน่ากลัวมากกว่ากันไม่ทราบ? ประเทศไทยจะกลายเป็น “ศูนย์กลางยาเสพติด” โดยมีสารตั้งต้นจาก “กัญชาโมเดล” ของพรรคภูมิใจไทย


จะมีใครปลูกในบ้าน 6 ต้นแล้วเอาไว้ใช้ในการรักษาโรคบ้าง เพราะการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์มีวิธีการปลูกที่แตกต่างกันมาก ส่วนใหญ่ปลูกไว้พี้เอง หรือเอาไปขายให้เด็กทำไมไม่ใช้สมองซีกขวาคิด?


และที่ นายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย กระทำการได้ถึงขนาดนี้ เพราะ “นายกประยุทธ์” เกรงใจ ไม่กล้าแตะถึงกำเริบเสิบสาน ต้องพึ่งให้สนับสนุนการอยู่ต่อในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เท่านั้นเอง


เดี๋ยวนี้ หาซื้อกัญชาง่ายเสียกว่าซื้อบุหรี่ ทุกที่มีขายกันหมดทุกหัวถนน ถามจริงๆ ว่า คนซื้อจะมีถึงสัก 10% ไหมที่ใช้รักษาทางการแพทย์ เพราะอีก 90% ใช้พี้กันทั้งนั้น หากรักษาโรคทางการแพทย์จริง ทำไมไม่ไปขายในโรงพยาบาล และให้หมอออกใบสั่งยามาให้เลยล่ะครับ? แต่นี่กลับตั้งรถขายกัญชาทุกหัวมุมถนน ตั้งร้านขายกันทั่วบ้านทั่วเมือง


นี่เป็น “นโยบาย” ที่ทำร้ายชาติมากสุดตั้งแต่มีการตั้งพรรคการเมืองมา เพราะออกมาแค่ “กฎกระทรวง” เพื่อไปปลดกัญชาออกจากบัญชี “ยาเสพติด” ใน พรบ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 อีกทั้งยังคิดจะเอาเข้าสภา ให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด


การรณรงค์ทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ จึงขอล็อกเป้า “พรรคภูมิใจไทย” ว่า ต้องไม่ให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก คงคิดว่า “นโยบายกัญชา จะทำให้เพิ่มคะแนน ทำจริง ทำได้ ทำจนเด็กเยาวชนติดกัญชา”


แล้วยังมาทำพูดดีว่า “ห่วงเด็กเยาวชน” ให้เหม็นขี้ฟัน บอกว่ามีกฎไม่ให้ซื้อ แต่การเข้าถึงง่ายกว่าซื้อบุหรี่ไฟฟ้า รออาทิตย์หน้าถึงคิวกระทรวงสาธารณสุข ได้เจอกันแน่ไอ้หนู โถ ทำเป็นธรรมะธรรมโม รู้จักเอ่ยคำพระ “สัพเพ สัพตา” แต่ไม่ทราบว่า ลูกใครดูดกัญชาทั้งวันจนสมองเพี้ยนหมด “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” จริงๆ สาธุ


ต่อมาวานนี้ (วันที่ 26 ก.พ.) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิระดับ 11 โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตั้งคำถามประเด็นภาครัฐสนับสนุน นโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่กลับต่อต้านการใช้บุหรี่ไฟฟ้า


นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข คือการหาทางเลือกด้านสุขภาพให้กับประชาชนอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าอะไรดีก็สนับสนุน ส่วนที่เป็นโทษต้องควบคุม


เราเห็นตัวอย่างจากฝิ่นที่นำมาผลิตเป็นยา ช่วยลดอาการเจ็บปวด กัญชาก็เช่นกัน ในส่วนที่ดีต้องนำมาใช้ประโยชน์ ส่วนที่เป็นโทษ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศควบคุมไว้หลายฉบับ แต่ติดอยู่ที่การบังคับใช้โดยเจ้าหน้าที่นั้นไม่เข้มแข็ง


ประโยชน์ของกัญชา ในทางการแพทย์มีหลักฐานเชิงประจักษ์ การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แล้วได้ประโยชน์ เช่น ลดภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากยาเคมีบำบัด โรคลมชักที่รักษายากและโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะปวดประสาทจากระบบประสาทส่วนกลางที่ดื้อต่อยารักษา


ส่วนผู้ป่วยที่ใช้เพื่อควบคุมอาการ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรควิตกกังวลไปทั่ว โรคปลอกประสาทอักเสบอื่น ๆ เรามีผู้ป่วยด้วยโรค หรืออาการเหล่านี้เป็นจำนวนมากที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายกัญชาทางการแพทย์


นพ.รุ่งเรือง กล่าวต่อว่า ส่วนบุหรี่ไฟฟ้า ที่พบเห็นมีเพียงด้านเดียวคือเป็นโทษภัย สารนิโคตินที่มีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าในปริมาณที่สูง หรือแม้แต่ในบุหรี่มวนทั่วไปนั้น ทางการแพทย์ชี้ชัดว่าส่งผลเสียโดยตรงต่อสมอง ระบบประสาท พอเสพติดนิโคตินแล้ว ร่างกายจะต้องการสารนิโคตินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าต้องเพิ่มปริมาณหยดน้ำยานิโคตินเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่สมองสั่งการ จนเกิดผลเสียต่อระบบอวัยวะในร่างกายหลายระบบ เช่น ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น อัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้น หายใจถี่ขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น


กรุณาอย่าเทียบกัญชา กับบุหรี่ไฟฟ้า กัญชาเหมือนเหรียญ 2 ด้าน ขอให้เราใช้ในด้านดี ๆ แล้วช่วยกันควบคุมการใช้ในด้านไม่ดี กลับกันบุหรี่ไฟฟ้า เรายังไม่เห็นมุมที่ดีต่อสุขภาพเลย ทั้งทำให้เจ็บป่วย เสียค่าใช้จ่ายนับหมื่นล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข ไม่มีทางสนับสนุนในสิ่งที่มีแต่ทำลายสุขภาพ



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/tMJJmXm7cls

คุณอาจสนใจ

Related News