เลือกตั้งและการเมือง
'ก้าวไกล' เปิดหลักฐานแฉบ้านพักทหาร ต้นตอกราดยิงโคราช ซัดปฏิรูปกองทัพ กลับได้โจรในเครื่องแบบ
โดย nattachat_c
17 ก.พ. 2566
50 views
วานนี้ (16 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายภายใต้หัวข้อ ปิดคดี กราดยิงโคราช กับโจรในคราบทหาร ทำนาบนหลังกำลังพล ว่า
นายปดิพัทธ์ กล่าวเรื่องการโกงบ้านทหาร โครงการบ้านทหารของกรมสวัสดิการทหารบก จะมีขั้นตอนดังนี้
สำหรับผู้ประกอบการขายบ้านรายใด ที่จะเข้าร่วมกับโครงการนี้
จะต้องได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการทหารบก ทางกรมก็จะออกใบอนุญาตว่า ผู้ประกอบการรายใด ขายได้ที่ไหน จังหวัดไหนบ้าง ผู้ประกอบการบ้านต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 5 เปอร์เซนต์ ทำให้ราคาบ้านแพงกว่าปกติ
ส่วนต่างค่าบ้าน โดยการประเมิณราคาบ้านสูงกว่าความเป็นจริงมากๆ เพื่อให้ผู้กู้ได้ส่วนต่างเยอะๆ เงินทอนส่วนต่างนี้จะมากน้อยเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับตกลงกับผู้ประกอบการ
ส่วนขั้นตอนการกู้ ทหารคนหนึ่งกู้เงินซื้อบ้านของโครงการนี้
- เริ่มจากการขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาในหน่วยที่ตนสังกัดก่อน เพื่อตรวจสอบสถานะการเงิน หนี้สินต้างๆให้เรียบร้อย
- เมื่ออนุมัติแล้วก็เอาไปยื่นกรมสวัสดิการฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุมัติขอกู้
- มีกรรมการมาตรวจหลักทรัพย์มาพิจารณาว่าบ้านที่จะซื้อมีมูลค่าเทียบเท่าเงินที่กู้หรือไม่
- ในขั้นตอนนี้จะมีการหักเงินกู้ 5% ทำให้ทหารต้องซื้อบ้านในราคาแพงกว่าปกติ
ขั้นตอนการกู้นี้ มีตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง 3 ตำแหน่ง
1.เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ยศ พลตรี
2.ผอ.กองการออมทรัพย์ ยศ พันเอกพิเศษ
3.ตำแหน่งที่น่าจะเป็นจุดรวมเงินหัวคิวทั้งหมดเอาไว้ก่อนแจกจ่ายต่อ คือ เสธ.เงินกู้ ยศพันโท
เมื่อมีการอนุมัติเงินแล้ว
- กำลังพลที่กู้เงินก็ต้องไปรับเช็คที่กรมสวัสดิการฯ
- เอาเช็คไปขึ้นเงินแล้วจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการขายบ้านด้วยตัวเอง
- มีมือมืดมาดำเนินการให้ ซึ่งมือมืดส่วนใหญ่ มียศแค่จ่า แต่โดนนายใช้ให้ทำงานมือ คือ ตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง 3 ตำแหน่งและกรรมการตรวจหลักทรัพย์ เป็นคนใช้
ในช่วงเหตุการณ์กราดยิง
ตนมีหลักฐานเป็นสมุดบัญชีออมทรัพย์ ของ จ่า ส.มีหน้าที่รับเงินกู้บ้านไปแจกจ่ายต่อ วันที่ 15 สิงหาคม – 23 กันยายน จ่าคนหนึ่งในกองทัพบกมีเงินเดินบัญชี 181 ล้านบาท แบ่งยอดเป็นเงินฝาก 90.6 ล้านบาท ถอนไป 90.46 ล้านบาท ส่วนรายวันมีเงินเข้าจำนวนมาก และมีการถอนออกไป จนเหลือ 2 หมื่นบาทเท่าเดิม ซึ่งการเดินเงินเข้าออกแบบนี้เกิดขึ้นทุก 3 วัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เจ้าของบัญชีต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ นี่คือเด็กเดินบัญชีให้กับแก๊งผู้ใหญ่ในกองทัพ
นอกจากนั้น ยังมีเงินเข้าตอนเช้า 1,499,356 บาท ตอนเย็นเงินดังกล่าวออก ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นแชทไลน์ของจ่าธ.ที่มีสลิปที่ส่งเงินให้นาย ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐีสู้แล้วรวย เป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรมว.กลาโหมช่วยตอบหน่อยว่าขบวนการปรสิตแบบนี้รู้จักหรือไม่ หรือคุณเป็นคนดีจนไม่รู้เรื่องชั่วๆ พวกนี้เลย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเพราะเมื่อเปลี่ยนคนในตำแหน่งแล้วรูปแบบการกินหัวคิวก็ยังดำเนินต่อไป
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ระดับเจ้ากรมสวัสดิการทหารก็เอี่ยวด้วย โดยมีแชทไลน์ เสธ.ชา หน้าเงินกู้ ซึ่งเกิดหลังกราดยิงแล้ว ที่สนทนากับผู้ประกอบการว่า เสธ.ได้จ่ายให้เจ้ากรมฯหรือไม่ เสธ.บอกจ่ายแล้วไม่จ่ายก็โดนตื๊บพอดี ข้อความต่อมาระบุว่าทุกคนก็จ่ายจนมีเหตุกราดยิง ซึ่งทุกคนคือผู้ประกอบการทุกคน แสดงว่าไม่ได้มีแค่คุณก้อยคนเดียวที่จ่าย 5 เปอร์เซนต์ แต่ผู้ประกอบการ 28 บริษัทต้องจ่ายทุกคน
ในวันที่กราดยิง มีแชทไลน์ระหว่าง เสธ.ชา กับ คุณก้อย โดยคุณก้อยบอกว่า รู้หรือยัง มีกราดยิง ด้านเสธ.ชาตอบว่า รู้แล้ว เรื่องใหญ่เลย มันคงสุดๆ แล้ว ถึงคลั่งแบบนี้
ซึ่งแสดงว่า พลตรี ว.รู้เรื่องเหล่าจ่าเหล่านี้นี้มานานแล้ว คุณก้อยยตอบว่ามีคลิปเสียงมา 25 วันแล้ว ถ้าเอาแฟืมป้านงค์มาดู คงไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ ซึ่งพลตรี ว. ตอบว่า ถ้าเชื่อหนูสักนิด คงไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ คนอื่นคงไม่เดือดร้อนไปด้วย
พันเอก ส. เป็นเสธ.เงินกู้ ถูกลงโทษผิดวินัยทหาร โทษกักตัว 7 วัน วันที่ 8 ได้ขึ้นเป็นพลตรี ผมว่าเรื่องแบบนี้มันระยำไป อยากถามท่านประยุทธ์เห็นว่าเหมาะสมหรือ
เรื่องดังกล่าวเป็นวัฒนธรรมองค์กร ที่สืบสานการทุจริตแบบรุ่นสู่รุ่น เหตุกราดยิงโคราช ถือเป็นเหตุการณ์กราดยิงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย สิ่งที่เราต้องไม่ลืมคือสาเหตุในการตัดสินใจของจ่าคลั่งคือความโกรธแค้นที่ตัวเองถูกโกงเงินบ้านพักกองทัพบก เขาโกรธแค้นวัฒนธรรมคอรัปชั่น ซึ่งผลปฏิรูปกองทัพคือการที่เราได้ทหารเป็นโจรในเครื่องแบบ ใส่หน้ากากคนดีที่อ้างว่ารักชาติ ความสงบ
-------------
เมื่อวานนี้ (16 ก.พ. 66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจง
อขอบคุณข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์จากฝ่ายค้าน หลายอย่างเป็นข้อมูลที่ดีเพื่อปรับปรุงการทำงานต่อไปและทุกคนต้องเข้าใจว่ารัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศและเราก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ก็คงไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันดูแลให้สังคมปลอดภัย คนไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ในฐานะรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่มีคุณธรรมไม่ขัดแย้ง
ส่วนที่หลายคนบอกว่าตนทำความผิดไม่มีการตรวจสอบ ยืนยันว่า ตนถูกตรวจสอบมาตลอดมีเรื่องมาทุกครั้งฟ้องมาเป็นร้อยคดีแล้วตนก็ชี้แจงไปจัดผู้แทนไปแก้คดี 300-400 คดีแล้ว ส่วนเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตนก็แจ้งไปแล้ว แม้กฎหมายบอกว่าไม่ต้องแจ้ง แต่การไม่เปิดเผยก็เรื่องของป.ป.ช.
นายกฯ ยังชี้แจงถึงการปฏิรูปกองทัพ ว่าได้มีการปรับลดกำลังพลกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กองทัพมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นำระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาใช้เพื่อลดจำนวนข้าราชการระดับสูง
ส่วนทหารเกณฑ์ก็มีในส่วนของคนสมัครใจด้วย และเห็นว่าทุกอย่างกำลังเคลื่อนที่ไปได้ด้วยดี แต่มีหลายคนบอกว่า ไม่ต้องมีหรอกทหารเกณฑ์ แต่หากมีเรื่องมาก็ให้คนที่พูดไปอยู่ชายแดนกับเขาด้วย มีเหตุการณ์ต่างๆก็ไปช่วยเขาด้วยอย่าพูดปากเปล่าเฉยๆ วันนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าโลกเป็นอย่างไร จะบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ได้ เพราะความขัดแย้งพร้อมที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา
ส่วนเรื่องการปรับปรุงสวัสดิการกองทัพเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกำลังพลรวมถึงครอบครัว เรื่องที่กล่าวมาตนจะสอบสวนทุกอันในเรื่องผลประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ถึงบอกว่าคนดีคนชั่วก็มี ถ้ามีเรื่องขึ้นมาก็ต้องดำเนินคดีตรวจสอบลงโทษไม่มีข้อยกเว้น
เรื่องยุทโธปกรณ์จำเป็นต้องมีความพร้อม วันนี้ถ้าบอกว่าไม่พร้อมไม่ต้องมีก็ได้ ซื้อแล้วจะมีการทุจริตการโกง แบบนี้เป็นตรรกะที่ผิด เพราะถ้าโกงก็ต้องลงโทษติดคุกไป ถ้าพูดอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยหรือไง
พร้อมท้าคนที่พูดไปขึ้นเครื่องบิน c130 สักลำจะกล้าขึ้นไหม เพราะซ่อมมาอายุ 40 ปี แล้วแต่ละลำเขาเสี่ยงกันเท่าไหร่ กล้าขึ้นหรือไม่ การจัดหายุทโธปกรณ์ก็ต้องคำนึงถึง ภัยคุกคามใน 5-10 ปีข้างหน้า ผิดก็คือผิด ไม่ใช่อันนี้ก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่จำเป็น เอาไว้ถึงเวลาท่านมาเป็นให้ผมก็แล้วกัน เมื่อถึงเวลาจำเป็น ก็ไม่มีเวลาไปเกณฑ์ใครมาได้อยู่แล้ว แล้วแบบนี้จะรบได้หรือไม่ จะกล้าไปอยู่ชายแดนหรือไม่ มีใครกล้ามาเลย
อย่างน้อยที่ทำมาทั้งหมดก็ทำได้ดีกว่าก่อนหน้านั้นหลายเรื่องขอให้มองดูส่วนดีบ้าง และใครที่จะเป็นนายกก็แล้วแต่ก็แก้ให้ดีกว่าที่ตนแก้ก็แล้วกัน บางพรรคตนยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคใครเป็นนายก
-------------