รู้ช่องทางเลยก่อเหตุซ้ำ! รวบ 2 อาสากู้ภัย ฉกเครื่อง AED กระตุกหัวใจ สารภาพร้อนเงิน

จากกรณีการหายไปของเครื่อง กระตุกหัวใจ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลถึง 27 เครื่อง และข่วงเย็นวานที่ผ่านมา ตำรวจจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ทำการคุมตัวชายผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุแต่การลักทรัพย์ในครั้งนี้มาทำการพูดคุยสอบถามที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน และมีรายงานว่าได้มีผู้ที่นำเครื่องกระตุกหัวใจดังกล่าวมาคืนไว้ที่ สน.ตลิ่งชัน จำนวน 7 เครื่อง

ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ความคืบหน้าตอนนี้ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้สองรายคือ นายรุ่งโรจน์ หรือเหน่งตาเดียว อายุ 37 ปี และ นายวีรยุทธ หรือแจ็ค อายุ 32 ปี โดยนายรุ่งโรจน์ จะทำหน้าที่ขโมยเครื่องกระตุกหัวใจ และส่งให้ นายวีรยุทธ ทำหน้าที่กระจายของออกขาย ไปให้กับกลุ่มอาสาสมัครที่ต้องการซื้อผ่านทางออนไลน์ หรือการบอกปากต่อปาก โดยพฤติการณ์ก่อเหตุ นายรุ่งโรจน์จะเป็นผู้ลักทรัพย์มาและนำมาขายให้กับนานวีรยุทธ ในราคา เครื่องละ 12,000 บาท ก่อนที่นายวีรยุทธ จะขายกระจายออกไปให้กับกลุ่มอาสาสมัคร ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในราคา 13,000-15,000 บาท

อีกทอดหนึ่ง ขณะที่ในส่วนของราคาจริงๆของเครื่องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท ซึ่งขณะนี้สำหรับเครื่องกระตุกหัวใจที่เครือข่ายที่ 1 รับสารภาพว่าก่อเหตุไป มี ทั้งสิ้น 6 จุด 6 เครื่อง สามารถติดตามกลับมาได้แล้ว 4 เครื่อง อีก 2 เครื่องอยู่ระหว่างประสานให้นำเข้ามาส่งคืน ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางมา สำหรับเครือข่ายที่ 2 ฝ่ายสืบสวนทราบข้อมูลกลุ่มบุคคลนี้แล้วอยู่ระหว่างการลงพื้นที่เฝ้าติดตามตัว จึงยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ แต่กลุ่มที่สองมีการเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ของ สน. บางบอน และสำหรับเครือข่ายที่สอง มีการส่งมอบเครื่องกระตุกหัวใจคืนมาแล้ว 1 เครื่อง แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าสำหรับเครือข่ายที่สองมีการลงมือโจรกรรมไปกี่จุดกี่เครื่อง รวมเครื่องกระตุกหัวใจทั้งหมดที่ตำรวจได้คืนมาคือ 5 เครื่อง พลตำรวจตรีธีรเดช ยังระบุอีกว่า

ขณะนี้ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีการสั่งการให้ทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามเครื่องกระตุกหัวใจที่สูญหายไปทั้งหมดเนื่องจากเหตุเกิดในหลายพื้นที่ และเพื่อความสะดวกแก่การติดตามจับกุมและการดำเนินคดี โดยขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนหากท่านใดพบเห็นเครื่องกระตุกหัวใจลักษณะดังกล่าวมีการบอกขายจากกลุ่มคนใดให้ส่งข้อมูลมาทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ทันที

โดยตำหนิของเครื่องที่เป็นเครื่องที่ถูกโจรกรรมไปจะเป็นเครื่องที่มีลักษณะติดบาร์โค้ดและบอกชื่อของบริษัทที่จัดจำหน่ายให้กับทางโครงการโดยบาร์โค้ดดังกล่าวจะมีอยู่ตั้งแต่ที่บริเวณด้านหน้ารวมถึงด้านหลังและที่ช่องปิดแบตจะมีลักษณะของใบรับประกันแปะคาดทับอยู่ หรือพบเห็นเครื่องที่มีลักษณะตรงกับที่ทางตำรวจนำมาแสดงในวันนี้ขอให้ส่งข้อมูลได้ทันที เพราะเครื่องอาจมีการถูกทำลายตำหนิออกไปอย่างเช่นเครื่องทั้งห้าที่ได้คืนมาในวันนี้มีการลอกสติกเกอร์และตำหนิต่างๆออกไปจนหมดแต่มีการตรวจสอบเช็ก เลขประจำเครื่องพบว่าตรงกับที่ระบุไว้ที่ตู้ตามจุดต่างๆที่หายไป

สำหรับจุดที่มีการโจรกรรมไปของเครือข่ายที่หนึ่งทั้งหกจุด มี 1. บริเวณป้อมตำรวจแยกวรจักร ก่อเหตุเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 2.บริเวณป้อมตำรวจซอยเจริญกรุง 43 ก่อเหตุวันที่ 26 ธันวาคม 2565 3.บริเวณป้อมตำรวจแยกเจริญสวัสดิ์ ก่อเหตุวันที่ 3มกราคม 2565 4.บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกแม้นศรี ก่อเหตุต้นเดือนมกราคม 2565 5.บริเวณป้อมตำรวจถนนพระราม 4 ก่อเหตุเมื่อต้นเดือนมกราคม 2565 6.บริเวณป้อมตำรวจห้าแยกหมอมี ก่อเหตุเมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม 2565 เช่นเดียวกัน ขณะที่ในเวลาต่อตำรวจมีการคุมตัวนายรุ่งโรจน์ ไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม

โดยระหว่างทางได้ตอบคำถามสื่อที่มีการสอบถามว่าเหตุใดถึงต้องขโมยของส่วนรวม เดือดร้อนแค่ไหน นายรุ่งโรจน์ระบุสั้นๆ ว่า ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไร แต่ก็เห็นใจคนส่วนรวม แต่ทำไปเพราะเงิน และได้เงินไม่เท่าไร และไม่ได้มีส่วนร่วมวางแผนการขโมย และไม่ตอบกรณีที่เพื่อนอีกคนงัดเครื่องออกมา และขาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายรุ่งโรจน์ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

ส่วนนายวีรยุทธแจ้งข้อหารับของโจร โดยทั้งสองเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งสองให้การรับสารภาพว่าทำไปเพราะต้องการเงินเมื่อเห็นว่าสามารถหาเงินจากช่องทางนี้ได้จึงก่อเหตุซ้ำ ส่วนเครือข่ายที่สองมีข้อมูลทราบเช่นกันว่าเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิเช่นเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี