“นายกฯ” อารมณ์ดี ยืนยันรัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกร ปลื้มควันหลงเอเปค ผู้นำต่างชาติชื่นชม

“นายกฯ” อารมณ์ดี มอบนโยบายเลือกตั้งสภาเกษตรกร ลั่นรัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกร ปลื้มควันหลงเอเปค ผู้นำต่างชาติชื่นชม เชื่อประเทศสงบ มีเสถียรภาพ เรื่องดีๆ จะมาที่ประเทศไทย บอกไหว้ขอพรพระทุกวันให้ประเทศเดินหน้า


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการขับเคลื่อนภารกิจด้านการบริหารจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดและการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมงานด้วย


นายกรัฐมนตรี กล่าวเริ่มต้นว่า ขอแสดงความยินดีที่ได้มาเจอทุกคน เพราะนั่นคือฐานรากแก้วเกษตรกร ขอให้ปรบมือให้กับตัวเองด้วย ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมเป็นหลัก ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลและตนเป็นห่วง คือทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้ที่พอเพียงเพื่อดำรงชีพในโลกปัจจุบัน แต่เราก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพอสมควร ตนรู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธานขับเคลื่อน ถือเป็นโอกาสอันดีที่มาพบกัน ที่ผ่านมาตนไม่เคยทอดทิ้งพวกท่านอยู่ที่ว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไร


ทุกครั้งที่ตนไปต่างจังหวัดไม่เคยทอดทิ้งจะหาข้อมูลพูดคุยหารือทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการส่วนใหญ่จะผ่านประธานสภาเกษตรกรลงมา ซึ่งตนทราบปัญหาดีก็เกิดอะไรบ้าง วันนี้ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้างในเรื่องของการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดก็เป็นเรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย ขอให้ได้สิ่งดีที่จะได้พูดคุยกันรู้เรื่อง เดินกันวันหน้าให้ได้ เมื่อเจอปัญหาก็ให้แก้โดยต้องร่วมมือกัน และคิดร่วมกันไม่เช่นนั้นเดินหน้าไม่ได้


ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกร องค์กรเกษตรกร ซึ่งที่ผ่านมาทราบดีว่าต้องเผชิญปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะวิกฤตช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาระยะสั้น ด้วยการเยียวยาโดยตรง


ส่วนระยะกลาง ได้ช่วยเหลือปัจจัย และเครื่องมือทางการเกษตรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และในระยะยาว ได้กำหนดนโยบายการปรับโครงสร้างการผลิต การแปรรูป และการตลาด เพื่อให้เกษตรกรเข้มแข็งอย่างเป็นระบบ มุ่งเน้นการสร้างโอกาส สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้เกษตรกรและครอบครัว ซึ่งในประเทศไทยมีประมาณกว่า 20 ล้านคนมีความเข้มแข็ง ด้วยการพึ่งพาตนเองได้


ช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี พูดถึงการเลือกตั้งสภาเกษตรกร ว่า ครั้งนี้ที่มีสมาชิกกว่า 20 ล้านคนในทุกกิจกรรมและทุกประเภท ขอให้ได้คณะทำงานที่เข้ามาประสานงานกับรัฐบาลได้อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเสนอความคิดเห็นและเสนอปัญหา รวมถึงการหาแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกันทุกอย่างมีก้าวแรกเสมอ วันนี้เราเดินมาไกลแล้ว และเดินมาหลายก้าวก็เดินต่ออีกสักหน่อย เพื่อเดินไปสู่ความสำเร็จ โอกาสที่เรามีมองไปถึงวันข้างหน้าก้าวให้ไกลแล้วไปให้ถึง


นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี พูดถึงการประชุมเอเปคที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จ ได้รับคำชมจากผู้นำที่ร่วมการประชุม โดยเฉพาะ อาหารไทย ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ที่รัฐบาลพยายามนำเสนอสิ่งดีๆ ไปสู่ต่างประเทศ ที่ไม่ใช่แค่อาเซียน แต่ข้ามไปยังภูมิภาคอื่นๆ ด้วย ซึ่งที่เหลือ เอกชน และภาคส่วนอื่นๆ ต้องช่วยกัน เพื่อร่วมมือแก้ปัญหา


ระหว่างพูดบนเวที มีบรรยากาศของนายกรัฐมนตรี มีอาการเหนื่อย ก่อนจะบอกว่า “พูดยังเหนื่อย วันนี้พูดมาหลายเรื่อง อย่างเมื่อเช้าเป็นเรื่องพลังงาน สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ ตั้งใจทำให้ปัญหาทุกอย่างลดลดลง อาจไม่ใช่ให้เป็นศูนย์ และต้องดูแลพุ่งเป้าเรื่องการดูแลผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะเกษตรกร “ถ้าเราสงบ สันติ ผมเชื่อว่าทุกอย่างมาหมด หลังประชุมเอเปค เรามีแผนการลงทุน เราต้องทำตรงนี้ให้ได้ เมื่อประเทศเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ เรื่องดีๆ ทุกอย่างก็จะมาที่ประเทศไทย”


จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามห้องประชุมอย่างอารมณ์ดี ว่า เมื่อเช้าได้ส่องกระจกหรือไม่ ก่อนจะบอกต่อว่า เราต้องส่องดูว่ารอยยิ้ม สวยไหม เจอกันก็ยิ้มให้กับภรรยา ยิ้มให้กับตัวเอง วันนึงจะได้ไม่เครียด ผมก็พูดไป วันนี้ก็พยายามทำ ไม่ให้พลังลบออกมา เพราะอย่างน้อยรอยยิ้มจะทำให้คลี่คลายไปได้เอง แต่ถ้าเราทะเลาะกัน ไม่มีทางที่เราจะทำอะไรให้สำเร็จได้


ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อวานนี้ ว่า ไม่ได้ไปเรื่องการเมือง แต่ไปพูดว่า เราทำนาทำไร่กันอย่างไร จากปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น วันนี้ดีใจ และให้กำลังใจผู้อาสา เข้ามาสมัครเลือกตั้งสภาเกษตรในทุกระดับ


“วันนี้ไม่ได้พูดตามที่เขาเขียนมาเลย แต่คุยกันแบบเปิดอก ก่อนจะถามว่าใครลงสมัครบ้าง ก็ขอให้ประสบความสำเร็จทุกคน ทั้งหมดคือเกษตรกร ผืนแผ่นดินนี้ ที่เหยียบย่ำกันทุกวัน ผมไหว้ขอพระแม่ธรณีและพระสยามเทวาธิราชทุกวัน เพื่อให้ทุกอย่างในประเทศไทยเดินไปข้างหน้าไปให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้จิตใจผมอยู่ถึงวันนี้ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว


ซึ่งสำคัญที่สุดเราต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นไม่มีทางสำเร็จ ผมอยู่มาหลายปี รู้ว่ามีปัญหาเยอะ” ก่อนถามว่าทุกคนในห้องเห็นด้วยให้ปรบมือ จากนั้นทุกคนก็ปรบมือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำอีกครั้งว่า “ไม่มีใครทำสำเร็จคนเดียวได้ เราต้องจับมือไปด้วยกัน ขอให้สภาเกษตรกรร่วมมือกับรัฐบาลนี้ และรัฐบาลต่อๆ ไป”