เลือกตั้งและการเมือง

ตร.ยืนยันสกัดม็อบตามยุทธวิธี เผยเตรียมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ถูกจับ 25 คน พร้อมจะเร่งตรวจสอบกรณีสื่อมวลชนถูกลูกหลง

โดย nattakarn_l

18 พ.ย. 2565

93 views

           พลตำรวจตรีอาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่เคลื่อนขบวนออกจากลานคนเมือง มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่   โดยระบุว่า  กลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝ่าฝืนข้อกำหนดและเงื่อนไขในการชุมนุม  เรื่องการห้ามเคลื่อนขบวน และตำรวจได้แจ้งเตือนเป็นระยะแล้ว  แต่ผู้ชุมนุมก็ฝ่าฝืน ขว้างปาสิ่งของ ทำลายรถกระบะของตำรวจเสียหาย และต่อสู้ขัดขวางทำร้ายเจ้าหน้าที่  เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังเข้าจับกุมผู้กระทำผิด  จากนั้นผู้ชุมนุมก็ยังไม่หยุด  มีการวางเพลิงบนรถตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ตามยุทธวิธี  ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น

             ส่วนผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมตัว มีทั้งหมด 25 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหา  ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ , วางเพลิง , ทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหาย , ทำร้ายร่างกาย , ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.ความสะอาด  ส่วนข้อหาอื่นๆ อยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติม  หากเข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินคดี  ซึ่งยังคงให้สิทธิผู้ชุมนุมในการติดต่อญาติและทนายความได้

            ส่วนกรณีที่มีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจมีแผนการดูแลความปลอดภัยของสื่อมวลชน คือ ต้องลงทะเบียนสื่อ ต้องสวมปลอกแขน และกำหนดพื้นที่ปลอดภัยของสื่อมวลชนไว้แล้ว  แต่จากภาพที่ปรากฎออกมาว่า เจ้าหน้าที่อาจปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุนั้น  ทั้งประเด็นการขว้างปาแก้ว จนสื่อมวลชนโดนลูกหลง การทำร้ายสื่อมวลชน การใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม ตลอดจนการใช้ระเบิดควัน ซึ่งไม่อยู่ในอุปกรณ์ยุทธวิธี  ก็จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ เนื่องจากเหตุการณ์เพิ่งเกิด แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมและชี้แจงให้กับประชาชนทราบโดยเร็วเพื่อคลายข้อสงสัย

         ส่วนยอดผู้บาดเจ็บ ทราบว่ามีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 1 คนที่คิ้วขวา และสื่อมวลชนอีก 1 คน ส่วนผู้บาดเจ็บรายอื่นๆ ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม

          ด้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำกำชับให้ตำรวจที่เข้าควบคุมผู้ชุมนุม เน้นการเจรจา หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง แต่หากเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องป้องกันตนเอง หรือจับกุมผู้กระทำความผิดร้ายแรง ก็ให้ดำเนินการตามความเหมาะสม และต้องสัดส่วนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News