'อนุพงษ์' ย้ำรัฐบาลไม่คิดขายชาติ พร้อมล้มกฎกระทรวง หาก ปชช.ไม่สบายใจ - ‘พิธา’ ซัดเป็นนโยบายล้าสมัย

จากกรณี การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 มีมติอนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. …

โดย ครม. ประกาศ 'นาทีทอง 5 ปี' ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดิน 1 ไร่ ในไทย เพื่อใช้อยู่อาศัย และสามารถโอนให้ลูกหลานได้

โดยมี 4 กลุ่มเป้าหมาย คือ

1. กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง

2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ

3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย

4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ


แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี และ ขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง

ซึ่งการลงทุน ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และ ไม่ต่ำกว่า 3 ปี ต้องลงทุนในรูปแบบต่างๆ คือ การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย, การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน, กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, การลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริม, การลงทุนในกินการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศเป็นกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุน

วานนี้ (3 พ.ย. 65) นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ตั้งกระทู้สดถามคณะรัฐมนตรี กรณีการอนุญาตให้ต่างชาติซื้อที่ดิน ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ และมีความวิตกกังวลเรื่องการอนุญาตให้ตั้งชาติถือครองที่ดิน จะเป็นการเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของที่ดิน ในขณะที่คนไทยกำลังอ่อนแอ และอีกจำนวนไม่น้อยกว่า 80% ยังไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง

ในขณะที่ไทยยังมีความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดิน การให้ต่างชาติเข้ามาถือครองที่ดินจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาหรือไม่ จนถูกมองว่าเป็นการขายชาติ จึงอยากถามคณะรัฐมนตรีว่ามีความจำเป็น หรือมีเหตุผลอะไรที่หนักหนาสาหัส ต้องมีมติ ครม.ออกมา และแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ที่ผ่านมาก็ดำเนินการเพราะมีข้อจำกัดจากกู้เงินไอเอ็มเอฟ ซึ่งก็ทำด้วยความระมัดระวังและครอบครอบ

นายสุทิน กล่าวว่าจากการชี้แจงแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยอมรับประเทศจนปัญญาเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะโดยทั่วไปจะไม่ใช้มาตรการนี้ หรือรัฐบาลต้องการช่วย และเอื้อประโยชน์ กับกลุ่มทุนใหญ่ที่ครอบครองที่ดินไว้เป็นจำนวนมากหรือไม่ 

โดยเทียบเคียงกับกฎกระทรวงที่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อห้องชุดได้ 100% ที่สามารถขายห้องชุดให้ต่างชาติได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้ง รัฐบาลมีมาตรการอย่างไร ควบคุมราคาที่ดิน ม่ให้คนไทยต้องซื้อที่ดินแพงขึ้น หากต่างชาติครองที่ดินจำนวนมาก

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนรัฐบาล เป็นผู้มาตอบกระทู้ ระบุ สาเหตุที่รัฐบาลมีมติดังกล่าว เป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจ โควิด-19 คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ จึงมองหาวิธีการในการดึงคนต่างชาติ เข้ามาลุงทุน เพิ่มศักยภาพ ในการค้า การลงทุน แต่การซื้อขายที่ดิน ต้องทำขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด จะต้องมีวีซ่าระยะยาวที่ทำให้สำหรับนักธุรกิจก่อน และต้องลงทุน 40 ล้านบาทขึ้นไปในระยะเวลาขั้นต่ำสามปี และในระหว่างสามปีนี้ก็ไม่สามารถขายที่ดินได้ ยืนยันว่ามีการคัดกรองและมีมาตรการรัดกุมมากกว่าในอดีต

พลเอกอนุพงษ์ ระบุด้วยว่า รัฐบาล ไม่มีเจตนาจะขายชาติ ไม่มีใครคิดเช่นนั้น ไม่ได้เปิดให้ ต่างชาติยึดครองที่ดิน ส่วนที่หลายคนกังวล ว่า อาจมีการซื้อที่ดิน หรือ บ้านจัดสรร หลายแปลงติดกันเพื่อรวมเป็นที่ผืนใหญ่ ยืนยันว่า ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น แน่นอน

และร่างกฎกระทรวงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา และจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นประชาชนซึ่งกฤษฎีกากำลังดำเนินการ ซึ่งหลังจากความรับฟังความคิดเห็นอาจจะกำหนดเงื่อนไขเพิ่มก็ได้ เช่นอาจจะกำหนดเงินลงทุนเป็น 100 ล้านบาทก็ได้ หรือเรื่องนี้อาจจะล้มไปก็ได้หากประชาชนไม่สบายใจ หรือมีความกังวล และหากเรื่องนี้ยกเลิกไปก็ไม่ใช่เรื่องขายหน้าของรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
---------------

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สดถาม นายกรัฐมนตรี ถึงการออกกฎกระทรวงเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติ เข้าซื้อที่ดินในไทยได้ แต่เป็นประเด็นคำถามที่มุ่งเน้นไปที่ การกระตุ้น เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุน

โดยต้องการทราบว่า เป้าหมายของกฎกระทรวงฉบับนี้คืออะไร ประชาชนกำลังสับสน อีกทั้งมีการบริหารจัดการอย่างไร ทั้งที่ คนไทยกว่า 75% ยังไม่มีที่ดินทำกิน อีกทั้งรัฐบาล มีนโยบายในการกระจายที่ดินอย่างไร เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจฐานราก

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มาชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลแสวงหานักลงทุนรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาใช้ชีวิต นำเทคโนโลยี ความรู้ใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาประเทศไทย ช่วยส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมใหม่ๆ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมาย 1 ล้านคน ต่อปีหรืออาจจะมากกว่านั้น

แต่ต้อง ยอมรับว่า ไม่สามารถประเมินได้ว่า นักลงทุนเหล่านั้น จะเลือกมาอยู่ในประเทศไทยอย่างไร จะเช่า- ซื้อ หรืออยู่ โรงแรม ก็สุดแล้วแต่ แต่ยืนยันได้ว่า การเข้ามาพักในไทย ของชาวต่างชาติ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขอย่างเข้มงวด เป็นไปตามกฎหมายของไทย

เช่น ไม่สามารถปลูกสร้างเป็น อาคารสำนักงาน อพาร์ทเมนต์เพื่อทำการค้าหรือทำธุรกิจได้ ใช้สำหรับสร้างที่อยู่อาศัยได้เพียงอย่างเดียว หากพบว่าทำผิดเงื่อนไข ก็จะเพิ่มถอนใบอนุญาตได้ทันที และ ที่สำคัญ เงื่อนไขของประเทศไทยเข้มงวดกว่าประเทศอื่นๆ ขอให้นายพิธาศึกษาเงื่อนไขของประเทศอื่นด้วย

---------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ta2CSWUt8a4