"กทม." ยื่นหนังสือถาม "กระทรวงการคลัง" ขึ้นภาษีที่ดินเกษตรกรรมเท่าเพดานที่กฎหมายกำหนด ได้หรือไม่

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรุงเทพมหานครทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการขึ้นอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินในกรุงเทพมหานคร ในส่วนเกษตรกรรม ให้เท่ากับเพดานภาษีที่กฎหมายกำหนดไว้ 0.15% ว่าสามารถทำได้หรือไม่


จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ในอัตรา 0.01-0.1% เพราะปัจจุบันเจ้าของที่ดินหลายราย ซึ่งอยู่ในโซนสีแดงพาณิชยกรรม แต่ไม่มีการใช้ประโยชน์ที่ดิน จึงพัฒนาเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้เข้าเกณฑ์ที่ดินเกษตรกรรม แต่อยู่ใจกลางเมือง เพราะหากปล่อยรกร้างว่างเปล่า ต้องเสียภาษีที่ดินในอัตรา 0.3-0.7%


นายชัชชาติ ระบุว่า กทม.ไม่ได้มีแนวคิดจะเก็บภาษีเพิ่ม แต่มันมีประเด็นที่คนมีพื้นที่ใจกลางเมือง แต่เอามาทำเกษตรกรรม ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าของที่ที่ปฏิบัติตามกฎของกระทรวงการคลัง กำหนดไว้ว่าถ้าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ต้องปลูกกล้วยกี่ต้น ปลูกมะนาวกี่ต้น


แต่ปัจจุบันภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของ กทม.ยังต่ำกว่ากรอบอยู่ จึงมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เจ้าของที่ดินมาทำแปลงเกษตรกรรม โดยที่ไม่สอดคล้องกับเจตนาจริง ๆ ก่อให้เกิดแนวคิดว่าพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่โซนพาณิชยกรรมเข้มข้น ถ้ามีการนำมาทำเกษตรกรรม ควรเก็บภาษีเต็มกรอบเพดานตามที่กฎหมายกำหนด คือ 0.15% แต่ยังไม่รู้ทำได้หรือไม่ เป็นเพียงแนวคิด จึงถามไปที่กระทรวงการคลังว่าทำได้หรือไม่ เพราะกระทรวงการคลังให้เก็บภาษีตามกรอบเพดานได้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเอาผังเมืองมาเป็นตัวกำกับได้หรือไม่ ยืนยันตอนนี้ยังไม่ได้บังคับใช้แค่ถามไปก่อน ว่าจะทำวิธีนี้ได้หรือไม่


ทั้งนี้นายชัชชาติ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้กระทรวงการคลังตอบกลับมา ยังต้องกลับมาทบทวนอีกว่า พื้นที่มีทั้งหมดกี่แปลง มีเกษตรกรจริง ๆ กี่คน เพราะไม่อยากให้กระทบกับเกษตรกรจริง เป้าหมายของ กทม.คือเก็บเพิ่มภาษีกับคนที่ไม่ใช่เกษตรกร แต่อาศัยตัวกฎหมายเลี่ยงการจ่ายภาษีจำนวนมาก ด้วยการหลบไปทำเกษตรกรรม แต่ถ้าเก็บก็ไม่ได้เก็บเพิ่มมาก เพราะเพดานที่กฎหมายกำหนดไว้ เป็นอัตราที่ต่ำอยู่แล้ว


แนวคิดนี้ ต้องการเป็นแรงจูงใจให้เจ้าของที่ดินเอาที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มาให้กรุงเทพมหานครทำสวนสาธารณะในระยะเวลา 7 ปี ได้หรือไม่ โดยที่เจ้าของที่ดินไม่ต้องเสียภาษี เป็นการกระตุ้นให้เอาที่ว่างเปล่ามาให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์มากขึ้น


ดังนั้นขณะนี้ขอสรุปว่ายังไม่ได้ปรับภาษีขึ้น แค่สอบถามไปที่กระทรวงการคลัง ว่าถ้าจะเอาผังเมือง มากำกับร่วมกับอัตราภาษี สามารถทำได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีคนทำ ขอประชาชนอย่าเพิ่งตื่นเต้น อย่าเพิ่งตกใจกัน เพราะเป็นแนวคิดที่พยายามทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน


เพราะที่ผ่านมามีคนพูดเยอะ ทำไมมีคนเอาที่มาปลูกกล้วย ปลูกอ้อย กลางเมือง ดังนั้นเป็นแนวคิดหนึ่งที่จะตอบปัญหาตรงนี้ได้ ถ้ากระทรวงการคลังตอบกลับมา ก็ไม่ได้จะทำเลย ต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบก่อน


ขณะนี้ กทม.ทำงานคู่ขนานกันไประหว่างทำหนังสือไปสอบถามกระทรวงการคลัง และสำรวจข้อมูลว่าแปลงเกษตรกรที่แท้จริง ที่อยู่ในโซนพื้นที่สีแดงหรือโซนพาณิชยกรรม มีอยู่เท่าไร เพราะไม่อยากให้กระทบกับเกษตรกรตัวจริง ถ้าได้ข้อมูลมาครบจะมาตัดสินใจอีกที