เลือกตั้งและการเมือง

‘ชัชชาติ’ ตอบ ‘รุ้ง ปนัสยา’ ปมยกเลิก 112 ไม่ง่าย ต้องใช้ยุทธศาสตร์ วอนอย่าใช้สร้างความแตกแยก

โดย thichaphat_d

30 พ.ค. 2565

85 views

วันที่ 29 พฤษภาคม 2565  เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สวนครูองุ่น ซอยทองหล่อ 3 มีกิจกรรม ตลาด (นัด) ราษฎร โดยในงานมีการจัดเสวนา ‘TALK TALK เรื่องเล่า หลังกรงขัง’ โดย ซี จันทนา วรากรสกุลกิจ หรือซี และนายบุรินทร์ อินติน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีการแสดงดนตรีและจำหน่ายสินค้าต่างๆ


เมื่อเวลา 17.24 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปรากฏตัวในงาน จากการสอบถามทราบว่า นายชัชชาติกำลังจะเดินเข้าบ้านซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสวนครูองุ่น เพื่อเตรียมตัวไปงานแต่งงาน ระหว่างทางเห็นมีกิจกรรมจึงแวะเข้ามาเยี่ยมชม โดยนายชัชชาติได้ทักทายพ่อค้าแม่ค้าที่มาออกร้าน พร้อมอุดหนุนสินค้า อาทิ น้ำมังคุด ทอดมัน ฯลฯ

ระหว่างที่นายชัชชาติเดินทักทายประชาชนอยู่นั้น ‘ลูกพีช รพีพร’ ได้เล่นเพลงท่อนหนึ่งซึ่งร้องว่า “ลาออกสักที ลาออกสักที” ก่อนจะรีบบอกว่า ไม่ได้หมายถึงนายชัชชาตินะ พร้อมร้องท่อนต่อไปว่า “ลาออกสักที อยู่มา 8 ปี ลาออกสักที…” ทำให้คนที่มาร่วมงานหัวเราะชอบใจ

ช่วงหนึ่งพิธีกรได้เชิญนายชัชชาติกล่าวกับผู้ร่วมกิจกรรมถึงการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ในอนาคต เพราะที่ผ่านมาถูกกฎหมายควบคุมไม่ให้จัดกิจกรรม นายชัชชาติกล่าวว่า บ้านตนอยู่ใกล้แถวนี้ ซึ่งเดินผ่านไปมาตลอดและเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ทรงคุณค่า หากได้อ่านนโยบายของตนจะเห็นว่ามีนโยบายเรื่องการจัดพื้นที่สาธารณะเพื่อให้แสดงออก โดยจะให้กระจายหลายๆ ที่ เพราะตนเห็นว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเรา ซึ่ง พ.ร.บ.การชุมนุม มาตรา 9 หน่วยงานราชการสามารถจัดพื้นที่ให้ประชาชนชุมนุมแสดงความเห็นได้


นายชัชชาติกล่าวว่า หากมองส่วนตัวตนเห็นว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้หมายถึงชัยชนะของตน แต่หมายถึงชัยชนะของพวกเรามากกว่า ตนว่าเรามีพลังขึ้น และเชื่อว่าเวลาอยู่ข้างพวกเรา เชื่อว่าสถานการณ์จากนี้จะค่อยๆ ดีขึ้น เราจะเริ่มที่กรุงเทพฯนี้ก่อน เช่น การแสดงความเห็นและการยอมรับความคิดเห็นต่างๆ โดยเริ่มต้นจากความหลากหลายทางเพศ คนมีหลายเฉดสีความคิดเห็นทางการเมืองก็เช่นกัน 


 เราไม่ใช่คอมพิวเตอร์ และพื้นที่อย่างนี้จะทำให้เราเจอตัวตนและได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งผมยืนยันตามนโยบายว่าจะหาพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพให้พวกเราสามารถมาแสดงออก และเอาของมาขายเป็นแหล่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ แต่การจะทำกรุงเทพฯให้ดีขึ้น ผมไปคนเดียวไม่ได้ ต้องเดินไปด้วยกัน ผมเชื่อว่าจะเป็นผู้นำแห่งความหวังให้กับพวกเราได้

จากนั้น น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ถามความเห็นนายชัชชาติถึงประเด็นการยกเลิกมาตรา 112 นายชัชชาติกล่าวว่า อย่านำมาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยก ตนมองในแง่ของผู้บริหารที่การบริหารจะต้องมีความละมุนละม่อมในระดับหนึ่ง ดังนั้น ต้องมีวิธีการค่อยๆ ปรับ การจะยกเลิกมาตรา 112 จะกลายไปเป็นอีกขั้วหนึ่ง

นายชัชชาติ กล่าวว่า  คิดว่าต้องเริ่มจากการไม่เอามาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง แล้วค่อยๆ พัฒนาไป ผมเป็นผู้บริหารจะต้องมีวิธีในการสื่อสาร อย่างผม ผมก็อดทนมา 8 ปีเหมือนกัน แต่เราต้องมียุทธศาสตร์ในการเดิน ภาษาอังกฤษประโยคหนึ่งบอกว่า การแก้แค้นที่ดีที่สุดคือทำตอนที่เย็นแล้ว อย่าเอาความโกรธความแค้นมาทำ การยกเลิกในความเป็นจริงไม่ง่าย แต่ขออย่านำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราเริ่มกันตรงนี้ก่อนดีไหม …เวลาอยู่ข้างพวกเรา”


ต่อมา น.ส.ปนัสยา ได้ชี้แจงถึงการถามคำถามดังกล่าวว่า ขออนุญาตชี้แจงว่าคำถามที่ถาม อ.ชัชชาติวันนี้ หนูไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรเลย และไม่ได้ต้องการโจมตี หรืออะไร แต่เป็นการถามอย่างซื่อๆ เลยค่ะ แค่อยากรู้ว่า อ.คิดเห็นยังไงเท่านั้น เพราะไหนๆ ก็มาถึงตลาดนัดราษฎรแล้ว ตอน อ.พูดจบหนูก็ยิ้มให้ และขอบคุณ อ.มากๆ ที่ตอบคำถามตามที่ อ.คิดค่ะ

“ถ้าจะบอกว่าหนูถามไม่รู้เวลา อ่ะ แล้วก่อนหน้านี้ที่รายการต่างๆ ถามเรื่องขบวนเสด็จ ถามเรื่องรัฐประหารยังถามได้ สรุปผิดที่หนูตั้งคำถามในวันนี้? เพราะไม่เชื่อใจ กกต. ก็ต้องโทษไปที่ กกต.รึเปล่าคะ ปัญหามาจากไหนก็ต้องไปแก้ที่ตรงนั้นไม่ใช่เหรอคะ

น.ส.ปนัสยา บอกอีกว่า “แล้วงานวันนี้คนที่มาก็มีแต่คนที่โดนคดี 112 เต็มไปหมด จะเลี่ยงคำถามนี้ได้ยังไงคะ อยากรู้อะไรก็ถาม ถ้าเขาไม่ตอบก็ไม่ได้คาดคั้น หนูว่ามันก็ปกติมั้ยคะ”  


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/OavjpHY9K5Q

คุณอาจสนใจ

Related News