'เสรีพิศุทธ์' ฟาดกลับ 'ปารีณา' หลังยื่น ป.ป.ช. ไล่บี้สอบจริยธรรม ปมที่ดินรุกล้ำ

วานนี้ (18 เม.ย. 65) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องต่างๆ รวม 4 กรณี ดังนี้ 

1. ขอให้ตรวจสอบอนุกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการไต่สวน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รุกล้ำลำน้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการชี้มูลความผิด ทั้งที่มีคำสั่งศาลปกครอง และคำสั่งกรมเจ้าท่า ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่มีการรุกล้ำลำน้ำ รวม 3 ไร่ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการรื้อถอน และมีการถมเพิ่มเป็น 4 ไร่กว่า

ทั้งนี้แม้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะอ้างว่าในชั้นตำรวจและอัยการไม่สั่งฟ้องคดีดังกล่าว เพราะมีใบอนุญาตในการถมที่แต่ใบอนุญาตดังกล่าวเป็นใบอนุญาตเดิมที่ให้ถมที่เท่า น.ส.3 เดิม แต่กลับมีการถมเกินออกไป ซึ่งเรื่องนี้มีทั้งความผิดต่อเนื่องและความผิดใหม่ จึงขอให้ประธานป.ป.ช.ตรวจสอบและดำเนินคดี หากพบความผิดว่าอนุกรรมการ ป.ป.ช.มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เทียบกับคดีของตนที่มีการชี้มูลความผิดอย่างรวดเร็ว

2.เอาผิดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และตำรวจที่เกี่ยวข้อง จากกรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้มีข้อหารือไปยัง ตร.ว่าหากมีคำสั่งศาลให้รื้อสิ่งรุกล้ำลำน้ำจะถือเป็นหลักฐานใหม่ในการส่งอัยการฟ้องคดีได้หรือไม่ แต่ทาง ตร.กลับยังไม่ให้คำตอบ จึงขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ตำรวจในส่วนนี้ด้วยว่าล่าช้าหรือเพิกเฉยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ที่ไม่ยอมดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองกรณีรุกล้ำลำน้ำแควน้อยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

3. ขอให้เอาผิดทางจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จากกรณีสร้างท่าเทียบเรือรุกแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 อธิบดีกรมป่าไม้ได้แจ้งความเอาผิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ สน.บางโพ กรณีสร้างท่าเทียบเรือที่ไม่ตรงตามแบบกับที่กรมเจ้าท่าอนุญาตเอาไว้ จึงขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีทางจริยธรรมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในส่วนนี้ด้วย

4. ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีใช้อำนาจหน้าที่ ส.ส. และกมธ.งบประมาณ แถลงข่าวบิดเบือนเรื่องกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ทำให้รัฐเกิดความเสียหาย และถูกกองทัพเรือแจ้งความเอาผิด อย่างไรก็ตามตนไม่อยากให้สถาเป็นสถาที่เน่าเฟะ อยากให้สมาชิกสภาเวลาแถลงข่าวควรมีข้อเท็จจริงไม่สร้างเรื่องหรือบิดเบือนข้อมูลให้รัฐเสียหาย จนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกิดความเกลียดชัง อยากให้สภามันดีกว่านี้ จึงขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีกับนายยุทธพงศ์เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างแก่สมาชิกสภารุ่นต่อไป

ด้านนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า หลังจาก น.ส.ปารีณายื่นเรื่อง ทาง ป.ป.ช.ก็จะรับเรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ โดยจะดูว่าเรื่องอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.หรือไม่ ทั้งนี้เท่าที่ทราบในกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยมีกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา มายื่นให้ตรวจสอบไว้ในบางส่วนแล้ว ซึ่ง ป.ป.ช.ก็รับเรื่องตรวจสอบไว้เช่นกัน

ขณะที่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวภายหลังถูกนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส. ราชบุรี ร้องป.ป.ช. สอบจริยธรรมว่า ไม่ต้องพร้อมสู้อะไร เพราะชนะตั้งแต่ในมุ้งอยู่แล้ว คนโง่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด พร้อมฟ้องกลับปารีณาแน่ เมื่อกี้เห็นท่าทางหยิ่งยโสเต็มที ต้องสั่งสอนบ้าง กับคนไม่รู้เรื่อง

อย่างเรื่องที่ ไปร้อง อนุ ป.ป.ช. ไม่ยอมไตร่สวนให้เสร็จสักที ซึ่งย้ำว่า ที่ดินกาญจนบุรี อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว และที่นายศรีสุวรรณไปร้องให้สอบจริยธรรมกับตน ก็ยิ่งไปกันใหญ่เพราะว่า 1. ที่เราไม่ผิด 2. สมมุติว่า หากที่ผิด ตนก็โอนเป็นของลูกไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2556 และไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างเป็น ส.ส. ของตน ซึ่งขณะนี้ให้ทนาย ฟ้องนายศรีสุวรรณอยู่

ส่วนเรื่องที่กล่าวหา การถมที่ ทองผาภูมิ รุกเกินไป 3 ไร่ ต้องย้อนกลับไป เดิมที่ขอออกโฉนด รังวัดที่ดินได้ 45 ไร่ แต่เจ้าหน้าที่ที่ดิน บอก ออกให้ได้ 41 ไร่ ที่เหลือให้ทำเป็นที่งอก ซึ่งเราตรงไปตรงมา ต่างกัน 4 ไร่ ซึ่งเมื่อตอนถมที่ ตนก็ขออนุญาตจากกรมเจ้าท่าชัดเจน แล้วมาบอกว่าเราถมเกินไป 1,500 ตารางเมตร หรือ 375 ตารางวา ไม่ใช่ 3 ไร่ อย่างที่ปารีณาพูด และตนก็โอนที่ให้ ลูกชาย และลูกสาว ตั้งแต่ปี 2555 แล้ว

ดังนั้นคนที่รื้อถอน ก็ต้องคือเจ้าของที่ ไม่ใช่ตนแล้ว ซึ่งเจ้าท่า ต้องไปคุยกับลูกตน ว่าลูกจะยอมหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นคนทำ ดังนั้น ที่เดิมบอกว่า รังวัดเดิม 45 ไร่ แต่ออกให้ได้แค่ 41 ไร่ และมาบอกว่าถมเกินไป 1 ไร่ เท่ากับว่า ที่ดินก็จะต้องเหลือ 44 ไร่สิ คุณปารีณาอย่ามาบอกว่าตนถมเกินไป 3 ไร่ เพราะตนกำลังเอาคืน 3 ไร่ พร้อมยืนยันคนอย่างตนไม่มีทางทำอะไรนอกลู่นอกทาง

ส่วนกรณี ที่ร้องเรียน ที่ดินติดแม่น้ำเจ้าพระยา บอกตน ทิ้งหินถมดิน เกินกว่าที่ได้รับอนุญาต พูดอย่างนี้ คุณก็ติดคุกสิ ตนขออนุญาตทิ้งหินถมดินหน้าโฉนดที่ดิน พวกนี้ตีความไม่เป็น และอัยการก็สั่งไม่ฟ้องตั่งแต่ปี 2553 แล้ว

ส่วนที่บอกอธิบดีป่าไม้มาแจ้งดำเนินคดีตน เรื่องท่าเทียบเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ตนย้อนถามว่าต้องอนุญาตด้วยหรือ แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นป่าหรือ ตามกฎหมายแพ่ง ก็บอกไว้ชัดเจนว่าแม่น้ำ คือ ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และให้เจ้าท่าเป็นผู้ดูแล จึงอยากรู้ว่ากรมป่าไม้เกี่ยวอะไร

พร้อมระบุ ท่าเรือเอกชน ทั้งหมด หลายร้อยท่า เคยจับเขาหรือไม่ จึงเป็นเจตนาไม่สุจริต และที่ดินที่สามเสนตนก็ยกที่ดินให้กับลูกชายและลูกสาว ตั้งแต่ปี 2556 ตอนนั้นตนไม่ได้เป็นส.ส. ไม่เหมือนกับปารีณาที่ครอบครองที่ดินขณะเป็นส.ส. จะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้

ด้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.หนองคาย และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความ Yuttapong Official ถึงประเด็นนี้ว่า

“ผมทำหน้าที่ตรวจสอบเรือดำนํ้าอย่างตรงไปตรงมา เพราะเป็นจีทูจีเก๊ และไม่มีเครื่องยนต์อีกต่างหาก ผมทำหน้าที่ส.ส. เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติ ผมเป็นส.ส.ที่มีอุดมการณ์ ไม่ใช่พวกส.ส….หรือ….ทางการเมือง #พร้อมให้ตรวจสอบ #ไม่มีเครื่องยนต์"

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/IptlBcL9ij4