‘สีหศักดิ์’ ถกหยุดยิง จี้ ‘กัมพูชา’ แสดงความจริงใจ 3 เงื่อนไข วงประชุม รมต.อาเซียน

จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา วันนี้ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทยของเรา มีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมด้วยตัวเอง

การประชุมจัดขึ้นที่ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท กัวลาลัมเปอร์ มีนายโมฮามัด ฮาซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประเทศประธานอาเซียน กล่าวเปิดการประชุม ในที่ประชุมครั้งนี้ คณะผู้สังเกตการณ์ AOT ที่เข้าไปสังเกตการณ์ สถานการณ์ ทั้งในไทยและในกัมพูชา จะทำการรายงานการทำหน้าที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ AOT ในห้วงที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดเวทีให้สมาชิกได้แสดงท่าที

โดยการแสดงท่าทีจะเริ่มจากประเทศคู่กรณี คือ ไทยและกัมพูชาก่อน แต่กัมพูชาจะได้พูดก่อนเพราะจัดลำดับตามตัวอักษร แล้วจึงจะเริ่มให้ประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศอื่นๆ จนปิดการประชุม ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง และหลังการประชุมจะไม่มีการแถลงการณ์หรือผลการประชุมอย่างเป็นทางการ แต่อาจมีถ้อยแถลงของประธาน คือ มาเลเซีย เท่านั้น

การประชุมวันนี้จะต้องจับตาดูท่าทีของกัมพูชาว่าจะดำเนินการอย่างไร ต่อข้อเสนอของไทย ซึ่งไทยได้แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ที่ผ่านมาแล้ว และเน้นย้ำในหลักการ 3 ข้อ ที่กัมพูชาต้องทำ เพื่อแสดงความจริงใจ คือ

1.ฝ่ายกัมพูชาจะต้องประกาศหยุดยิงก่อน

2.การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง โดยมีผู้สังเกตการณ์

3.กัมพูชาต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ

ซึ่งข้อ 2 ถือว่ามีความสําคัญกว่าข้ออื่น การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริง เพื่อให้ฝ่ายทหารทั้ง 2 ประเทศได้มาพูดคุยกันในขั้นตอนต่อไป ที่จะลดความตึงเครียด ทั้งนี้การตัดสินใจในการหยุดยิงของฝ่ายไทย จะขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ของกองทัพตามหลักการที่ยืนยันไว้ว่า จะยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน โดยไทยปรารถนาที่จะเห็นสันติภาพ แต่สันติภาพนั้นต้องมาพร้อมความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนและต้องเป็นสันติภาพที่ยั่งยืน

สำหรับการประชุมครั้งนี้ นอกจากนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และทีมไทยแลนด์ของกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ยังมี พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ผู้แทนของกองทัพไทย ร่วมคณะมาด้วย

ด้านนายปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาเดินทางออกจากกัมพูชาแล้ววันนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมพิเศษรัฐมนตรีการต่างประเทศอาเซียน ประเทศมาเลเซีย

สื่อกัมพูชารายงานว่า นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้เดินทางออกจากประเทศกัมพูชาเมื่อช่วงเช้า เพื่อไปทำภารกิจสำคัญเข้าร่วมการประชุมพิเศษรัฐมนตรีการต่างประเทศอาเซียนที่มาเลเซีย การประชุมในวันนี้ จะเป็นการหารือประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา

การประชุมพิเศษนี้มีเป้าหมาย เพื่อโน้มน้าวให้ประเทศไทยและกัมพูชายุติปฏิบัติการใดๆที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดน และให้มีการหยุดยิงในทันทีหากเป็นไปได้

สำนักข่าวกัมพูเชีย ทแมร์ เดลี่ รายงานว่า การเดินทางเข้าร่วมประชุมพิเศษในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อสันติภาพ ความปลอดภัยและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมความสามัคคีกันของอาเซียน ซึ่งจะเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในระยะยาวของทุกประเทศสมาชิกอาเซียน

"ดร. ปณิธาน" ชี้ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน สมัยพิเศษวันนี้ จะมีข้อตกลงกันได้ในบางเรื่อง แต่การปฏิบัติการทางทหารและการเจรจาทางการทูตต้องเดินควบคู่กันไป

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ มองว่า การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ ที่มาเลเซีย จะเป็นการตอบรับหลักการ เข้าไปสู่ข้อตกลงเดิมที่เคยคุยกันไว้ แต่อาจจะมีกลไกหรือข้อเสนอเพิ่มเติม เพื่อให้เงื่อนไขการหยุดยิงมีผลบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งต้องดูทีท่าของกัมพูชาว่า จะตอบรับข้อเสนอของฝ่ายไทยหรือไม่ ซึ่งชัดเจนแล้วก่อนประชุมว่า ข้อเสนอของไทยที่ให้กัมพูชายอมรับผิด ทางกัมพูชาปฏิเสธในเรื่องนี้

อาจารย์ปณิธาน วิเคราะห์ว่า ถ้าวันนี้ตกลงกันในหลักการได้ อาจจะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อเข้าพื้นที่ ตามแนวปฏิบัติหยุดยิงที่แท้จริง เพราะหลายพื้นที่ ยังมีการประทะกันอยู่ แต่ภาพรวมการประชุมถือว่า ไม่ได้เลวร้าย ยังสามารถพูดคุยกันได้ และไทยน่าจะมีการเสนอมาตรการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น

ขณะนี้ต้องยอมรับว่า การปฏิบัติการทางทหารยังไม่แล้วเสร็จ แต่การพูดคุยหารือกันในครั้งนี้ จะเดินไปในกรอบของการเจรจาทางการทูตควบคู่กันไปกับการปฎิบัติการทางทหาร เพราะเป้าหมายสุดท้ายหลายประเทศ ต้องการความชัดเจน ในเรื่องมาตรการการหยุดยิง และการวางกรอบเรื่องพรมแดนให้มากขึ้น

อ.ปณิธาน เห็นว่า การประชุมวันนี้ แนวทางที่จะเกิดขึ้นมากที่สุด คือ ได้ข้อตกลงอย่างจำกัด โดยมีข้อเสนอเพิ่มเติม ควบคุมไม่ให้มีการปะทะกัน หลังจากปฏิบัติการทหารเริ่มคลี่คลาย อาจจะมีการวางกำลังอยู่ในบางพื้นที่ ที่มีการครอบครอง แต่จะมีการนัดหมายเจรจาพูดคุยกันในครั้งต่อๆไป เพื่อนำไปสู่การเจรจาเรื่องเขตแดนในอนาคต ซึ่งภาพรวมขณะนี้ถือว่าประเทศไทย อยู่ในฐานะได้เปรียบ แม้ในบางพื้นที่ยังมีการสู้รบ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/6dyRecbGiNM